ตำรวจบก.น.3 ร่วมกับชุดสืบสวน สน.มีนบุรี สน.คันนายาว และสน.สุวินทวงศ์ รวบตัวมือปาไปป์บอมบ์ใส่บ้านพักผู้ช่วย รมว.วัฒนธรรม เจ้าตัวอ้างก่อเหตุเพราะแค้นที่ถูกไล่ออกจากงาน ด้านผู้เสียหายยังไม่ปักใจเชื่อ วอนตำรวจขยายผล ด้านตำรวจคุมตัวไปทำแผน-ชี้จุด ก่อนจะคุมตัวไปฝากขังต่อศาล 27 ม.ค.นี้
เมื่อวันที่ 26 มกราคม พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.มอบหมายให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3พร้อมด้วยชุดสืบสวนนครบาล ตำรวจ กก.สส.บก.น.2-3 และตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.มีนบุรี สน.คันนายาว และ สน.สุวินทวงศ์ ร่วมกันจับกุม นายชนะภัย ไชยรักษ์ หรือนิวอายุ 27 ปี ผู้ก่อเหตุปาระเบิดไปป์บอมบ์ใส่บ้านพักของบิดาและมารดาของนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วย รมว.วัฒนธรรม จับกุมได้ที่บริเวณถนนสุวินทวงศ์ซอย 50
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายขับจักรยานยนต์ แล้วได้ก่อเหตุปาระเบิดไปป์บอมบ์ใส่บ้านพักของบิดาและมารดานายพลภูมิ ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ ทางชุดสืบสวน บก.น.2 ชุดสืบสวนนครบาล แลฝ่ายสืบสวนสน.ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้ไล่กล้องวงจรปิดกระทั่งทราบตัวผู้ก่อเหตุคือ นายชนะภัย หรือนิวอดีตพนักงานส่งเอกสารของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับบ้านหลังที่เกิดเหตุ
ต่อมาชุดสืบสวน สน.สุวินทวงศ์ ออกตรวจพื้นที่เพื่อป้องกันปราบปรามยาเสพติด ภายในซอยสุวินทวงศ์ 50จึงนายชนะภัย ท่าทางมีพิรุธ เมื่อตรวจสอบพบว่ามีตำหนิรูปพรรณ ตรงกับคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้สอบปากคำ และประสานแจ้งให้ทาง สน.มีนบุรี และ สน.คันนายาว รับทราบ ก่อนจะร่วมกันสอบสวน
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำนายชนะภัย รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้จริงและเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามซอยรามอินทรา109 ซึ่งตนเองเคยทำงานที่บริษัทดังกล่าวแต่ถูกไล่ออกจึงเกิดความโกรธแค้น ก่อนจะตัดสินใจไปซื้อประทัดยักษ์ที่ใช้ไล่นก นำมาประกอบเป็นระเบิดไปป์บอมบ์ ก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองหรือมีผู้ใดสั่งการแต่อย่างใด
ด้านนายพลภูมิ เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผบ.ตร. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมกันจับกุมผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง สำหรับการก่อเหตุดังกล่าวถือเป็นคดีที่อุกอาจมาก ส่งผลให้พี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณข้างเคียง รู้สึกขวัญผวาและเกิดความหวาดระแวงไปด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ทำให้เกิดระเบิดจนทรัพย์สินเสียหาย, ทำให้เสียทรัพย์และบุกรุกในเวลากลางคืน โดยแยกดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระกัน จากการก่อเหตุใน 2 สถานที่
ส่วนการตรวจสอบประวัติของนายชนะภัย พบว่าเคยทำงานที่บริษัทดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2557 และต่อมาปี 2559 ถูกจับกุมข้อหาลักทรัพย์ฯ จึงถูกให้ออกต่อมาในปี 2561 ได้กลับมาสมัครงานที่บริษัทเดิมอีกครั้งและได้เข้าทำงานจนถึงปี 2563 แต่พบว่าได้มีปัญหาเกี่ยวพันกับยาเสพติดจึงถูกให้ออกจากบริษัท เป็นสาเหตุให้ผู้ต้องหาเกิดความคับแค้นใจและวางแผนลงมือก่อเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังสอบสวนเบื้องต้น ทาง พ.ต.ท.จำนงค์ ประสพสุขมั่งดี รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี ได้คุมตัวนายชนะภัย ไปทำแผนและชี้จุดที่ด้านหน้าบริษัทที่เกิดเหตุ ถนนรามอินทรา โดยระหว่างการทำแผน นายพลภูมิ ได้ร่วมสังเกตการณ์ด้วย และเปิดเผยว่า ยังไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ต้องหาก่อเหตุเพราะต้องการแก้แค้นที่ถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากเรื่องนี้ผ่านมา 5 ปีแล้ว จึงอยากให้ตำรวจได้สอบสวนว่ามีผู้ใดจ้างวานหรือไม่ ขณะที่ญาติของผู้ต้องหา ยืนยันว่าจะไม่ยื่นประกันตัวผู้ต้องหาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ภายหลังทำแผนและชี้จุดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายชนะภัย กลับไปควบคุมไว้ที่ สน.มีนบุรี ก่อนจะไปขออำนาจศาลอาญามีนบุรี ผัดฟ้องฝากขัง ในวันที่ 27 มกราคมนี้ พร้อมกับประสานให้ สน.คันนายาว ขออายัดตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี