สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับผู้แทนกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน หารือกระชับความร่วมมือ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เร่งเดินหน้ากวาดล้างขบวนการในประเทศเพื่อนบ้าน
วันนี้ (28 ม.ค.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผบช.ส. , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.รรท.รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวสิน รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ตรุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.ตท. , พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รอง ผบก.อก.บช.ส.รรท.ผบก.ปคม.หารือร่วมกับผู้แทนกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดย นายหลิว จงอี้ (Mr.Liu Zhongyi) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน/ผู้บัญชาการสำนักงานสอบสวนอาชญากรรม และคณะ ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
การหารือครั้งนี้เพื่อยกระดับความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ในการปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ทั้งการป้องกัน , การปราบปรามจับกุม , การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ,การติดตามจับกุม 30 ผู้ต้องหาที่ทางการจีนออกหมายจับคดีหลอกลวงนายหวังซิง นักแสดงชาวจีน ซึ่งทางการจีนจับกุมได้แล้ว 20 คน , การช่วยเหลือบุคคลสูญหายหรือถูกกักไว้โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียวดี , การตัดระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น น้ำ ไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ต จากไทยไปยังฝั่งเมียวดี และการเสริมสร้างกลไกความร่วมมือ การบังคับใช้กฎหมาย ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ทางการจีนมีข้อเสนอในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างไทย-จีน ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอทางการจีนว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย ได้ประสานความร่วมมือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย และประสานความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในการร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศ
จเรตำรวจฯ กล่าวอีกว่า ทางสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้เชิญตนเป็นผู้นำหน่วยปฏิบัติเฉพาะกิจด้านการหลอกลวงทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Lead the Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce) ซึ่งจะมีการประสานการทำงานร่วมกันในระดับสากล โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความยินดีหากทางการจีนเข้าร่วมกับศูนย์ประสานดังกล่าว เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่เพียงจะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา เท่านั้น แต่จะร่วมมือกันในการขยายผลปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศกัมพูชา และบริเวณสามเหลี่ยมทองคำในพื้นที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้วย
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และตัดระบบสาธารณูปโภค เช่น ซิม สาย เสา น้ำ และไฟฟ้า มาโดยตลอด ตามยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” และประสานความร่วมมือกับกองทัพบกและฝ่ายปกครองในการลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน ป้องกันการลักลอบให้บริการดังกล่าวจากฝั่งไทย และที่ผ่านมายืนยันว่ายังไม่พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการกระทำความผิดในประเทศไทย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการประสานข้อมูลจากทางการจีนในเรื่องของคนร้ายที่กระทำผิด เพื่อกรณีมีคนร้ายเข้ามาในประเทศไทย แม้ไม่มีหมายจับ แต่ทางการไทยจะใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ในการเพิกถอนวีซ่า และประสานส่งตัวกลับประเทศต้นทางได้ทันที
ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ทางการจีนขอขอบคุณและชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย และทางการไทย ที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจังและจริงใจ ซึ่งทางการจีนยินดีให้ความร่วมมือกับไทยในทุกด้าน เพื่อการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
-015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี