รวบ 110 แรงงานเถื่อนชาวเมียนมาริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชริราลงกรณ คนขับรถยนต์ 5 คันทิ้งรถหลบหนี สารภาพจ่ายค่านายหน้าหัวละ 10,000-20,000 บาท หวังไปทำงานจังหวัดชั้นใน
เมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.68 นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ร.29 และ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์, พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.ร.29-รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์, พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า), พ.ต.อ.บัญชา ศรีรุจิเมธากร รรท.ผกก.สภ.ทองผาภูมิ, พ.ต.ท.ธีรพร วิจิตรบรรณการ รอง ผกก.สส.สภ.ทองผาภูมิ ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าเข้ามาในเขตพื้นที่อำเภอทองผาภูมิเป็นจำนวนมาก หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาข้างต้นทราบ
จากนั้นจึงสั่งการให้นายวัลลภ จินดา ปลัดอำเภอทองผาภูมิ นายนาวา เมาน้อย กำนันตำบลห้วยเขย่ง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ อส.อ.ทองผาภูมิ สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ ตชด.135 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 และเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี ร่วมกันลาดตระเวนและออกหาข่าวไปตามเส้นทางต่างๆ
จนกระทั่งเวลา 05.00 น.เจ้าหน้าที่พบกลุ่มบุคคลเป็นจำนวนมาก กำลังทยอยกันขึ้นไปโดยสารอยู่บนรถยนต์ ที่จอดรออยู่ชายป่าริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ บริเวณชายฝั่งเขื่อนท้องที่บ้านท่าแพ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ 5 คัน ซึ่งขณะนั้นท้องฟ้ายังมืดอยู่ เจ้าหน้าที่ทำการปิดล้อมและแสดงตัวพร้องส่งสัญญาณเข้าจับกุม เมื่อคนขับรถยนต์ทั้ง 5 คันเห็นเจ้าหน้าที่จึงอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไป ด้วยการทิ้งแรงงานทั้งหมดเอาไว้ แต่ก็มีแรงงานจำนวนหนึ่งวิ่งหลบหนีไปได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับแรงงานที่ถูกจับกุมตัวเอาไว้ได้มีทั้งสิ้น 110 คน เป็นชาย 70 คน หญิง 40 คน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ทองผาภูมิ พร้อมกับอายัดรถยนต์ของกลางเอาไว้ ตรวจสอบ 5 คัน ประกอบด้วย 1.รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ราชบุรี 2.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียน กาญจนบุรี 3.รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน กาญจนบุรี 4.รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน กาญจนบุรี และ 5.รถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน กาญจนบุรี
นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ เปิดเผยหลังจากได้รับรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากชุดจับกุมได้รับรายงานว่าจะมีการนำผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ขึ้นเรือจากอำเภอสังขละบุรี เพื่อมาขึ้นฝั่งที่บ้านท่าแพ ท้องที่ของอำเภอทองผาภูมิ ชุดจับกุมจึงออกลาดตระเวนตามแนวชายฝั่งของหมู่บ้านฯ จนสามรถจับกุมตัวแรงงานค่างด้าวชาวเมียนมาเอาไว้ได้ จำนวน 110 คน ส่วนคนขับสามารถหลบหนีไปได้
จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้หลบหนีเข้าเมืองฯได้ให้การว่า พวกตนได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติทางชายแดนอำเภอสังขละบุรี จากนั้นได้นั่งเรือมาขึ้นฝั่งที่บ้านท่าแพ อ.ทองผาภูมิ โดยมีรถยนต์ 5 คันมาจอดรออยู่แล้ว โดยพวกตนจ่ายค่าหัวให้กับผู้นำพาที่เป็นนายหน้าหัวละ 10,000 - 20,000 บาท เพื่อให้นำพาไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นใน ระหว่างกำลังขึ้นรถเพื่อเดินทางไปจังหวัดเป้าหมาย ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมจับกุมตัวได้เสียก่อน
หลังจากกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย” พร้อมตรวจอายัดรถยนต์ ทั้ง 5 คัน เอาไว้ตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ การจับกุมแรงงานต่างด้าวลอบเข้าเมืองดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังเฝ้าระวังป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดที่มีแนวชายแดรติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
ที่ผ่านมา พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภาค 7 นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช รรท.ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ร.29/ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.ร.29-รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.บัญชา ศรีรุจิเมธากร รรท.ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13(ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)รับนโยบายของผู้บังคับบัญชาข้างต้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี