คำสั่ง"ทรัมป์"ยังพ่นพิษต่อเนื่อง ล่าสุด IRC แจ้งหยุดกิจกรรม 7 ศูนย์พักพิงใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินให้ รพ.รัฐรับไม้ต่อ เผยเตรียมเจรจาขอยกเว้นคำสั่งผู้นำสหรัฐ ด้านผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขคะเรนนีระบุเตรียมสร้างระบบส่งต่อผู้ป่วย ชี้เป็นสถานการณ์ที่ท้าทายมาก
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 เว็บไซต์ "สำนักข่าวชายขอบ" ได้รายงานว่า โรงพยาบาลในอำเภอชายแดนจังหวัดตาก ได้รับหนังสือแจ้งจากองค์การอินเตอร์เนชั่นแนล เรสคิว คอมมิตตี (International Rescue Committee -IRC) เรื่องแจ้งหยุดกิจกรรมโครงการทั้งหมดที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้ออกคำสั่งมา IRC ให้หยุดกิจกรรมทั้งหมดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ในการที่รัฐบาลชุดใหม่จะได้ทบทวนนโยบายต่างประเทศซึ่งรวมถึงโครงการให้บริการด้านดูแลสุขภาพ และโครงการคุ้มครองที่ดำเนินงานในพื้นที่พักพิงชั่วคราว 7 พื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด
ทั้งนี้ พื้นที่พักพิงชั่วคราวทั้ง 7 แห่งประกอบด้วย 1.บ้านถ้ำหิน จ.ราชบุรี 2.บ้านต้นยาง จ.กาญจนบุรี 3.บ้านนุโพ จ.ตาก 4.บ้านอุ้ทเปี้ยม จ.ตาก 5.บ้านแม่หละ จ.ตาก 6.บ้านแม่สุริน จ.แม่ฮ่องสอน 7.บ้านใหม่ในสอย จ.แม่ฮ่องสอน
หนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า คำสั่งนี้ทีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ในการนี้ IRC ขอเรียนให้ทราบว่าเราอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อดำเนินการขอยกเว้นคำสั่งนี้
“IRC ปิดแผนกผู้ป่วยนอก(OPD) บริการวัคซีน(EPI) การดูแลการฝากครรภ์(ANC) การคลอดหลังคลอด(PNC) การวางแผนครอบครัว (FP) กิจกรรมการเข้าถึงสุขภาพชุมชน การให้ความรู้ด้านสุขภาพ การตรวจทางห้องปฎิบัติการ ด้านสุขภาพจิตและจิตสังคม(MHPSS) การฝึกอบรมต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม เป็นต้นไป” หนังสือระบุ
หนังสือระบุว่า สำหรับผู้ป่วยที่พักรักษาในโรงพยาบาล(IPD) IRC เริ่มดำเนินการจำหน่ายผู้ป่วยใน ส่วนผู้ป่วยที่ยังไม่คงที่เราจะให้การดูแลจนถึงวันที่ 31 มกราคม สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน IRC สามารถส่งต่อเฉพาะกรณีที่วิกฤตที่สุดจนถึงวันที่ 31 มกราคมเป็นต้นไป โดย IRC ไม่สามารถดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่ายได้ในส่วนนี้
“IRC จะจัดยาสำหรับผู้ป่วยโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรังและผู้ป่วยจิตเวชเป็นเวลา 1 สัปดาห์ สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการดูแลของโรงพยาบาลรัฐในพื้นที่ต่างๆที่รับการส่งต่อ IRC ไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับบริการผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่รับส่งต่อที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม และ IRC จะจัดหาน้ำมันสำหรับปั้มน้ำในศูนย์พักพิงให้งานจนถึงวันที่ 31 มกราคม” หนังสือแจ้งของ IRC ระบุ
ขณะที่เฟสบุคของโรงพยาบาลท่าสองยาง จังหวัดตาก ได้เผยแพร่ข้อความว่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม เวลา 10.00 น. อำเภอท่าสองยางได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองร้อยทหารพรานที่ 3503, โรงพยาบาลท่าสองยาง, สาธารณสุขอำเภอท่าสองยาง, มูลนิธิเพชรเกษม, องค์กร IRC, องค์กร COERR, KRC, คณะกรรมการแคมป์, หัวหน้าโซน และผู้ใหญ่บ้าน เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1.IRC แจ้งว่าจะเปิดให้บริการผู้ป่วยจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2.ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยทั้งหมด 60 ราย โดยหลังจากหยุดกิจกรรม ผู้ป่วยจะถูกส่งกลับบ้านจำนวน 44 ราย คงเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ จำนวน 14 ราย และผู้ป่วยที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอด จำนวน 2 ราย 3. IRC จะหยุดให้บริการวัคซีนทั้งหมด
สำหรับผลการดำเนินการหลังการประชุม 1.ผู้ป่วยที่มีอาการหนักจำนวน 14 ราย จะได้รับการคัดกรองและรักษาต่อไปโดยโรงพยาบาลท่าสองยาง 2.มูลนิธิเพชรเกษม จะเข้ามารับผู้ป่วยที่มีอาการหนักและผู้ป่วยฉุกเฉินเพื่อส่งต่อโรงพยาบาลท่าสองยางโดยไม่มีค่าใช้จ่าย 3.เจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่เคยทำงานกับองค์การ IRC จะมาตั้งจุดบริการเพื่อคัดกรองและรักษาผู้ป่วยเบื้องต้น
“อำเภอท่าสองยางกำลังเผชิญกับความท้าทายในการดูแลผู้ป่วยและผู้หนีภัยการสู้รบหลังการหยุดกิจกรรมขององค์การ IRC อย่างไรก็ตาม หน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรต่าง ๆ ได้ร่วมมือกันอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ด้อยโอกาสอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการหนักและผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งจะได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลท่าสองยางและมูลนิธิเพชรเกษมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทางอำเภอท่าสองยางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป” เฟสบุคของ รพ.ท่าสองยาง ระบุ
น.ส.ริฮาน่า (ชื่อจัดตั้ง) ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชาวคะเรนนี และกรรมการสภาบริหารรัฐคะเรนนีชั่วคราว (Interim Executive Council of Karenni State -IEC) ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวชายขอบ” ว่าขณะนี้สถานการณ์ค่ายผู้ลี้ภัยชาวคะเรนนี (บ้านแม่สุริน และบ้านใหม่ในสอย จ.แม่ฮ่องสอน) ผู้ป่วยถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลแล้วทั้งหมดแล้ว มีจดหมายส่งมาแจ้งให้หยุดการดำเนินการทั้งหมด แม้ว่าจะยังมียาและเวชภัณฑ์อยู่ในคลัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ดังนั้นแม้มีกรณีฉุกเฉินก็รับผู้ป่วยไม่ได้ สำหรับคนป่วยที่จะต้องส่งไปโรงพยาบาลของไทยก็ส่งไม่ได้แล้ว เพราะต้องพึ่ง IRC อย่างเดียว ซึ่งแจ้งว่าต้องหยุดการดำเนินการทุกอย่างในทันที
“เราต้องสร้างระบบเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มี การที่ผู้ป่วยผู้ลี้ภัยชาวคะเรนนีจะออกไปหาหมอที่โรงพยาบาลเองข้างนอกค่ายฯ นั้นยากมาก อาจต้องมีหน่วยงานเข้ามาช่วยสนับสนุนในช่วงฉุกเฉินนี้ ปัญหาของการบริการผู้ป่วยฉุกเฉินหนักหนามาก นอกจากนี้การส่งเสริมสุขภาพชุมชนคะเรนนีที่ดำเนินมาตลอดก็ต้องหยุดเช่นกัน เป็นสถานการณ์ที่ท้าทายมากๆ ในเวลานี้” กรรมการ IEC กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากฝ่ายสภาบริหารแห่งรัฐพม่า (State Administration Council-SAC) มีการโจมตีทางอากาศ จนมีผู้บาดเจ็บ การส่งต่อผู้ป่วยจะทำอย่างไร นักสาธารณสุขชาวคะเรนนี กล่าวว่าการโจมตีแบบนี้เราป้องกันไม่ได้จริงๆ ชาวคะเรนนีก็ทำได้แค่หลุมหลบภัย เมื่อเกิดเหตุก็แจ้งข่าวกันทางวิทยุเท่าที่ทำได้ เพื่อแจ้งให้ชาวบ้านหนีไปยังที่ปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุ เรามีโครงการ Community-Based Resilience คือสอนและสร้างศักยภาพเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง สร้างความเข้าใจให้ชาวบ้านเรื่องการโจมตีจากทหารพม่า การหนีและจัดการตนเอง แต่เมื่อการสนับสนุนของแหล่งทุนถูกระงับก็น่าเสียดายมาก ในการอบรมเราสอนชาวบ้านว่าเมื่อมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด จะรวมตัวกันอย่างไร จะช่วยกันได้อย่างไรในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลายๆ แห่งชุมชนสามารถทำได้ดีมาก แต่โครงการนี้ก็ถูกระงับไปในตอนนี้
“ความต้องการเร่งด่วนในขณะนี้ คือการช่วยหนุนเสริมเรื่องบริการสุขภาพให้แก่ผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน เมื่อจำเป็นต้องมาโรงพยาบาลไทย แต่เมื่อ IRC ต้องยุติการดำเนินการในเวลานี้ เราจำเป็นต้องมีหน่วยงานเข้ามาช่วยการประสานงานและค่าใช้จ่ายในห้วงที่ IRC ชะลองานแบบนี้ การส่งยาและเวชภัณฑ์ การประสานงานส่งของมายังชายแดน ซึ่งอยู่ๆ ไม่สามารถส่งได้ หากไม่มีงบประมาณและการสนับสนุนจากองค์กรที่เข้ามาเสริม” น.ส.ริฮาน่า กล่าว
ขอบคุณข้อมูลสำนักข่าวชายขอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี