ทนายตั้มอ่วมหนัก
อสส.สั่งฟ้องคดี
ฉ้อโกง-ฟอกเงิน
ชดใช้เจ๊อ้อย100ล.
“ทนายตั้ม”กับพวกอีก 7 รายอ่วมหนัก อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องคดีฉ้อโกง-ฟอกเงิน กรณีหลอกลวง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ร้องต่อศาล ให้ผู้ต้องหาชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย กว่า 72 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 30 มกราคมนายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม 2 สำนวน เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ก็ได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณาสำนวนดังกล่าว โดยมีคำสั่งดังนี้สำนวนคดีที่ 1 คดีระหว่าง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ที่ 1, พ.ต.ต.สันติชัย ศรีสวัสดิ์ ที่ 2 ผู้กล่าวหา กับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ผู้ต้องหาที่ 1, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
ทั้งนี้ อัยการสั่งฟ้องนายษิทรา ฐานฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสองและมาตรา 60 สั่งฟ้อง น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ผู้ต้องหาที่ 2ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(18), 5,9 วรรคสอง และมาตรา 60
ส่วนสำนวนคดีที่ 2 คดีระหว่าง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ กับพวกรวม 4 คน ผู้กล่าวหา นายษิทราผู้ต้องหาที่ 1,นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ผู้ต้องหาที่ 2, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ ผู้ต้องหาที่ 3, น.ส.สารินี นุชนารถ ผู้ต้องหาที่ 4, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ผู้ต้องหาที่ 5, น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล ผู้ต้องหาที่ 6 และน.ส.มนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียแก่ผู้อื่น, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และข้อหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเหตุเกิดระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ถึง6 กุมภาพันธ์ 2567 หลายท้องที่และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และประเทศฝรั่งเศส เกี่ยวพันกัน
สำหรับสำนวนคดีนี้เป็นความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำนอกราชอาณาจักร ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจการสอบสวนของอัยการสูงสุด โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้อัยการสำนักงานการสอบสวน ดำเนินการร่วมกับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอัยการสูงสุด มีคำสั่งดังนี้ 1.สั่งฟ้องนายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง (กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชั่นซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์) ฉ้อโกงโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม (กรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400) และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83, 84, 91, 137, 173, 264, 265, 267, 268และ 341 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9 และ 60
2.สั่งฟ้องนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18),5, 6, 9 และ 60 , 3.สั่งฟ้องนายนุวัฒน์ ยงยุทธ ผู้ต้องหาที่ 3 และ น.ส.สารินี นุชนารถ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 173, 267, 268และ 341, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60
4.สั่งฟ้อง น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล ผู้ต้องหาที่ 6 และน.ส.มนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 7 (ทั้งคู่เป็นพนักงานขายรถเบนซ์) ฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264และ265และ 5.ขอให้ศาลสั่งผู้ต้องหาที่ 1 คืนหรือชดใช้เงิน 72,597,764.70 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชั่นซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และกรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 และขอศาลสั่งให้ผู้ต้องหาที่ 1, 3 และ 4 ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินอีก39,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ผู้ต้องหาที่ 6และ 7 พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำสั่งอัยการคดีพิเศษ โดยนำตัวไปฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา แล้วในส่วนผู้ต้องหารายอื่นอยู่ในอำนาจคุมตัวของศาลทั้งในส่วนที่ได้ประกันและไม่ได้ประกันตัว เมื่อศาลอาญาได้รับคำฟ้องก็จะมีหมายเรียกหรือเบิกตัวจำเลยมาอ่านคำฟ้องอัยการโจทก์ให้ทราบ และสอบคำให้การต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี