“อมลวรรณ” เผยข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2567 มีผลบังคับใช้แล้ว เปิดช่องให้บุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่ม รวมถึงบุคลาทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2)เข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ได้
ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า จากประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2567 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 ซึ่งประกาศดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556 เพื่อกำหนดมาตรฐานวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาขึ้นใหม่ สาระสำคัญของการปรับแก้ไขข้อบังคับฉบับนี้ คือมีการยกเลิกข้อความใน (ข) มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพข้อ 7 ของข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556 ในส่วนของมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ที่กำหนดมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพไว้เดิมนั้น ปรับปรุงแก้ไขใหม่เป็น 1) มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือ 2) มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนและต้องมีประสบการณ์ในตำแหน่งหัวหน้าหมวด หรือหัวหน้าสาย หรือหัวหน้างาน หรือตำแหน่งบริหารอื่นๆ ในสถานศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ 3) มีประสบการณ์ในตำแหน่งหัวหน้างาน หรือตำแหน่งบริหารอื่นๆ ในหน่วยงานการศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภากำหนด ซึ่งการปรับข้อความดังกล่าวเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่บุคลากรทางการศึกษาที่มีประสบการณ์เป็นหัวหน้างานหรือตำแหน่งบริหารอื่นๆ ในหน่วยงานการศึกษามาแล้ว สามารถใช้ประสบการณ์ที่ดำรงตำแหน่งเป็นคุณสมบัติในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาได้
ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากการเพิ่มโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษาสามารถเข้าสู่เส้นทางผู้บริหารสถานศึกษาได้แล้ว ในข้อบังคับเดียวกันยังได้ยกเลิกความใน (ข) ของข้อ 9 ในส่วนของมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพศึกษานิเทศก์ด้วย โดยแก้ไข 1) มีประสบการณ์ตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1.1) มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี 1.2) มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนและมีประสบการณ์ในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา รวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี 1.3) มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาหรือสถาบันมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และมีประสบการณ์การนิเทศ หรือการกำกับติดตาม หรือการวิจัยร่วมกับสถานศึกษา และ 2) มีผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพและมีการเผยแพร่ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษาผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการนิเทศ การกำกับติดตาม และการวิจัย สามารถนำประสบการณ์ดังกล่าวมาใช้เป็นคุณสมบัติในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพศึกษานิเทศก์ได้เช่นกัน
“การปรับแก้ข้อบังคับมาตรฐานวิชาชีพ ฉบับที่ 6 นี้ จะส่งผลให้บุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่ม รวมถึงบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์และมีจิตสำนึกดี จะมีโอกาส มีความก้าวหน้าเข้ามาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ได้ โดยเฉพาะบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและสำเร็จการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาบริหารการศึกษา สามารถนำประสบการณ์การบริหารในหน่วยงานเขตพื้นที่ เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาได้ และผู้ที่มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนในสถาบันและมีประสบการณ์การนิเทศ หรือการกำกับติดตาม หรือการวิจัยร่วมกับสถานศึกษา ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพศึกษานิเทศก์ได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนและเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการศึกษาสามารถเลือกเปลี่ยนสายงานได้ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในวิชาชีพ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาสู่วิชาชีพทางการศึกษามากขึ้นอีกด้วย รวมทั้งเป็นการส่งเสริมคนดี คนเก่ง ให้มาร่วมกันสร้างและพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นไป” เลขาธิการคุรุสภา กล่าว.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี