ฝุ่น PM2.5 มาตามนัด! กทม.สีส้ม69 พื้นที่ เริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ เหตุอากาศปิด ย้ำปชช. ใส่แมสก์ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน รบ.ปรับระเบียบใหม่ ตรวจควันดำเกินติดสติ๊กเกอร์ “ห้ามใช้รถชั่วคราว” ต้องนำไปแก้ไข ภายใน 15 วัน จากเดิม 30 วัน เริ่มวันนี้ฝ่าฝืนถึงขั้นยกเลิกใช้รถ ด้านปภ.ช.เข้มสั่งปิดรง.น้ำตาลที่ “อุดรฯ-ลพบุรี” หลังตรวจเจอปล่อยมลพิษเกิน สั่งดีเดย์จันทร์ที่3ก.พ. ทุกหน่วยงาน Kick Off ออกเคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” ทั่วประเทศ โคราชเอาจริง จับ 17 มือเผาก่อฝุ่นพิษ ทางหลวงชนบทตรวจเข้มสองข้างทางป้องกันการเผา
เมื่อวันที่ 31มกราคม 2567นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเปิดเผยว่าวันนี้อากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครปิดเป็นสาเหตุที่ทำให้ฝุ่น PM 2.5เพิ่มขึ้น สถานการณ์ฝุ่นกทม.เป็นสีส้ม เริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ
มาตามนัด!กทม.ฝุ่นสีส้ม69พื้นที่
สำหรับสถานการณ์ฝุ่นวันนี้ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานครประจำวัน เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ 33-67.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพจำนวน 69 พื้นที่ โดยมาตรฐานต้องไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. โดย 5 พื้นที่ที่วัดค่าฝุ่นได้เกินมาตรฐานสูงสุด คือ เขตหนองแขม มีค่าเท่ากับ 67.5 มคก./ลบ.ม. ลาดกระบัง 64.9 มคก./ลบ.ม.
ทวีวัฒนา 64.7 มคก./ลบ.ม. บางกอกน้อย 63.6 มคก./ลบ.ม. ภาษีเจริญ 62.6 มคก./ลบ.ม. ตลิ่งชัน ถนน 60.9 มคก./ลบ.ม. แนะนำประชาชนทั่วไป ให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ฝุ่นวันนี้ (31 มกราคม- 1 กุมภาพันธ์) การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ อ่อน ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้จำกัด ทำให้ความเข้มข้นของฝุ่นแนวโน้มทรงตัว ส่วนวันที่ 2-8 กุมภาพันธ์การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์อ่อน-ดี ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นแนวโน้มลดลง
48จว.จมฝุ่นเกินค่ามาตรฐานทุกภาค
ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 31 มกราคม 2568 ณ 07:00 น. สรุปดังนี้ ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศ พบเกินค่ามาตรฐานใน จ.ปทุมธานี กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.เชียงราย จ.น่าน จ.พะเยา จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.อุทัยธานี จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ตราด จ.ชุมพร จ.หนองคาย จ.เลย จ.นครพนม จ.มุกดาหาร จ.ขอนแก่น จ.กาฬสินธุ์ จ.มหาสารคาม จ.ร้อยเอ็ด จ.อำนาจเจริญ จ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี จ.นครราชสีมา และ จ.สุรินทร์
ทั้งนี้ ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 22.1 – 66.3 มคก. /ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่วัดได้ 30.0 – 60.6 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่วัดได้ 29.3 – 69.6 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 22.7 – 71.8 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 17.3 – 43.7 มคก./ลบ.ม. กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่วัดได้ 33.0 – 67.5 มคก./ลบ.ม.
ดีเดย์เข้มระเบียบใหม่จับรถควันดำ
ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมขานรับนโยบายรัฐบาลป้องกันและแก้ปัญหามลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯและปริมณฑล แหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์ โดยเฉพาะการตรวจจับระงับการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน ผ่านการปรับปรุงบังคับใช้กฎหมายตามพ.ร.บ. จราจรทางบก และพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 อย่างเข้มข้น การปรับระเบียบใหม่ดังกล่าวเป็นการแก้สาระสำคัญ เนื่องจากพบว่าการนำรถที่มีปัญหาควันดำซึ่งถูกติดสติกเกอร์ “ห้ามใช้ชั่วคราว” แอบนำมาใช้วิ่งบนถนน โดยให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจด้วยการออกคำสั่ง “ห้ามใช้ชั่วคราว” ให้เจ้าของยานพาหนะที่มีควันดำเกินมาตรฐานต้องนำรถไปปรับปรุงแก้ไข และนำรถมายกเลิกคำสั่งภายใน 15 วัน จากเดิมกำหนดภายใน 30 วัน และเมื่อพ้นกำหนด 15 วันแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ที่ตรวจวัดควันดำจากรถ และดำเนินการต่อไปตามแต่กรณี ได้แก่ กรณีไม่เกินมาตรฐาน เจ้าหน้าที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะชั่วคราว และนำเครื่องหมายห้ามใช้ชั่วคราวออก กรณีเกินกว่ามาตรฐานเจ้าหน้าที่จะออกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะเด็ดขาด เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายยานพาหนะ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขสภาพเครื่องยนต์
เข้มต้องแก้ควันดำภายใน15วัน
“การกำหนดเวลาให้เจ้าของรถที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานต้องนำรถไปปรับปรุงภายใน 15 วัน จากเดิม 30 วัน เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้ เป้าหมายสำคัญเพื่อลดการก่อมลพิษและปัญหาฝุ่น PM2.5 อีกทั้ง เป็นการลดระยะเวลาปรับปรุงเครื่องยนต์ ช่วยลดโอกาสที่ผู้ขับขี่จะนำรถที่ถูกสั่งห้ามใช้ออกมาวิ่งบนถนนในช่วงที่ยังไม่ได้แก้ไข และอาจถูกยกเลิกทะเบียนการใช้ยานพาหนะดังกล่าว” นายคารม ระบุ
ปภ.ช.สั่งปิดรง.น้ำตาลที่อุดร-ลพบุรี
ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) แถลงหลังประชุม ปภ.ช.ว่า วันนี้ กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์ฝุ่นพบว่าหลายพื้นที่มีค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ระดับสีส้มใน 48 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังมีคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานระดับสีส้มทุกพื้นที่ สำหรับจังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุดวันนี้อยู่ที่จ.ตราดที่สูงถึง 71.8 มคก./ลบ.ม. คาดการณ์ว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จะยังสูงต่อเนื่องจนถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จากนั้นจะมีลมจากภาคเหนือและภาคใต้มาทำให้สถานการณ์คลี่คลาย
“ฝุ่นจะยังคงมีต่อเนื่องจากมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่มาปกคลุมประเทศไทย ทำให้การระบายอากาศต่ำลง ประกอบกับตรวจพบจุดความร้อนในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียงอีกมากกว่า 1,000 จุด ปัจจัยเหล่านี้เป็นโจทย์ที่ปภ.ช. ต้องระดมกำลังเข้าแก้ไขตามคำสั่งของนายกฯที่ต้องการเห็นผลการแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม เพื่อลดต้นตอฝุ่นควัน ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน”นายจิรายุกล่าว
ดีเดย์3กพ.เคาะประตูบ้านย้ำห้ามเผา
และว่า ส่วนผลดำเนินงานที่ผ่านมา หลายหน่วยงานและหลายจังหวัดทราบแนวทาง และเริ่มเข้มงวดกวดขันมาตรการงดเผา และจัดการปัญหาไฟป่า หมอกควัน ทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตรกรรมแล้ว อาทิ ภาคอุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานน้ำตาลที่มีการเผาไปแล้ว 2 แห่ง ในจังหวัดอุดรธานีและลพบุรี
นายจิรายุกล่าวอีกว่า วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. ปภ.ช.มีข้อสั่งการให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” เป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกท้องถิ่นลงพื้นที่เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนร่วมกันไม่เผาเพื่อสุขภาพที่ดี
โคราชเอาจริงจับแล้ว17มือเผา
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ฝุ่นและการดำเนินมาตรการลดการเผาในแต่ละจังหวัดที่ยังเข้มข้นต่อเนื่องว่า ที่จ.นครราชสีมา นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานประชุมแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางและติดตามการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นในจังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 32 อำเภอ โดยเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่ยังมีเกษตรกรลักลอบเผาพื้นที่การเกษตร และถูกจับดำเนินคดีแล้ว 17 ราย ซึ่งมาตรการต่อจากนี้ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจประชาชน ทั้งผลเสียของการเผาตอซัง การบังคับใช้กฎหมายลดการเผา และหาวิธีช่วยเกษตรกรกำจัดตอซังโดยไม่ต้องเผา
นายไพวัลย์ เขียวอ่อน ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมาเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหมวดการทาง ลงพื้นที่ทำความเข้าใจประชาชนที่มีพื้นที่การเกษตรติดถนนทางหลวงชนบท ห้ามเผาพื้นที่การเกษตรเด็ดขาด เพราะมีความผิด ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง นอกจากนี้ ยังบังคับใช้ พ.ร.บ.ทางหลวงอย่างเคร่งครัด ขอความร่วมมือประชาชนช่วยดูแล หากพบเห็นไฟป่าและไฟไหม้ในเขตทาง สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานทางหลวงชนบท แขวงทางหลวงชนบท หมวดบำรุงทางหลวงชนบทในพื้นที่ แจ้งเหตุได้ที่สายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี