หน.อุทยานฯทองผาภูมิ ประกาศปิดอุทยานฯ 4 เดือนเต็ม ยกเว้นที่แจ้ง-สันทนาการ ฝ่าฝืนโทษหนักคุก 4-20 ปี ปรับสูงสุด 2 ล้านบาท ชี้ป้องกันไฟป่าต้นตอฝุ่นพิษ PM2.5
วันนี้ 1 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้ลงนามประกาศอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เรื่อง ห้ามเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมกับกล่าวว่า ด้วยในช่วงฤดูแล้งของทุกปี ในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม ของประเทศไทย มักประสบปัญหาไฟป้าส่งผลให้เกิดปัญหาฝุ่นควันที่มีค่า PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
อีกทั้งยังส่งผลทำให้เกิดปัญหามลภาวะโลกร้อน ซึ่งมีผลให้เกิดความแปรปรวนของสภาวะอากาศโลกร้อน ถือเป็นปัญหาวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วน ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ และยานพาหนะเป็นจำนวนมาก
ซึ่งสาเหตุเกิดจากการเผาป่า ล่าสัตว์ การเก็บหาของป่า และการกำจัดวัชพืชในที่ดินทำกินของเกษตรกรที่อยู่ใกล้พื้นที่ป่าเพื่อเตรียมการเพาะปลูกโดยไม่มีการควบคุม ส่งผลให้ไฟลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ กลายเป็นไฟป่า ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดปัญหาหมอกควัน และไฟป่า อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี จึงขอประกาศ ด้วยการ อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2566 มาตรา 20 บุคคลใดซึ่งเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด จึงห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ -31 พฤษภาคม 2568
ในท้องที่ดำบลหินลหินดาด ตำบลท่าขนุน ตำบลห้วยเขย่ง ตำบลปิล็อก อำเภอทองทองผาภูมิ และตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรึ จังหวัดกาญจนบุรี ยกเว้นพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตบริการและเขตนันทนาการกลางแจ้ง หากกรณีมีเหตุจำเป็นให้ประสานอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมแจ้งรายชื่อและเหตุความจำเป็นในการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กล่าวว่า หากผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิดตามมาตรา 47 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท การเผาวัชพืชในพื้นที่เกษตรกรรมใกล้เขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ต้องมีการควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามเข้าป่า หากมีการลุกลามเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1)
ภายในอุทยานแห่งชาติ มิให้บุคคลใดกระทำการยึดถือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่าหรือกระทำการด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 4 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาทบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ในกรณีความผิดดังกล่าวถ้าได้กระทำในพื้นที่ลุ่มน้ำ ชั้นที่ 1 หรือ พื้นที่ลุ่มน้ำ ชั้นที่ 2 ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด หรือพื้นที่เปราะบางของระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพ ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง กึ่งหนึ่ง ประกาศดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 31 พ.ค.2568
- 026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี