3 กุมภาพันธ์ 2568 ค่าฝุ่นพิษ PM2.5 ทุกภาคของไทย เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ระดับสีส้ม จำนวน 66 จังหวัด ส่วนกทม.ยังจมฝุ่นต่อวัดได้สีส้มทั้ง 50 เขตหนักสุดที่“บึงกุ่ม”คาดการณ์อีก7 วันข้างหน้าแนวโน้มฝุ่นเพิ่มขึ้นต้องเฝ้าระวังถึง 10 กุมภาพันธ์ โดยในสระบุรีค่าฝุ่นPM2.5 สูงสุดในไทย กทม.-ปริมณฑลเกินมาตรฐานกระทบสุขภาพ โดยในสัปดาห์นี้จมฝุ่นต่อเนื่อง

ซึ่งในช่วงสถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 หลายต่อหลายคนหาหน้ากากอนามัยสวมใส่ป้องกันฝุ่น PM2.5 การเลือกใส่ให้ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้สามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่นและเชื้อไวรัสต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้ามแต่จะรู้ได้อย่างไรว่า หน้ากากอนามัยประเภทใดบ้างที่สามารถป้องกันได้ทั้ง 2 ชนิด

1. หน้ากาก N95 : สามารถป้องกันได้ทั้งเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ สารคัดหลั่ง กรองกลิ่น ที่สำคัญยัง  #ป้องกันฝุ่น PM2.5 กรองฝุ่นควันและเชื้อไวรัสขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน ช่วยป้องกันเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ฝุ่นละออง สามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 และ PM 10 ได้ไม่น้อยกว่า 95%

2.หน้ากากอนามัย (Surgical Mask) ควรเลือกที่มี Filterแผ่นกรอง 3 ชั้น ป้องกันได้ทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา ฝุ่นละออง และสารคัดหลั่ง แต่ไม่สามารถป้องกัน PM2.5 ได้ โดยหน้ากากอนามัยแบบธรรมดานั้นจะมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM2.5 ได้ 66.37 %

3.หน้ากากผ้า (Fabric Mask) โดยส่วนมากจะตัดเย็บจากผ้าคอตตอน 100 % ซ้อนทับกันไม่น้อยกว่า 3 ชั้น หรือหนาไม่น้อยกว่า 0.5 มม. และมีขนาดที่พอดีกับใบหน้า 'หน้ากากผ้า'สามารถซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ควรเลือกใยผ้าที่มีขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน เพื่อประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละออง และเชื้อไวรัส รวมถึงสารคัดหลั่ง แต่ไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 และเชื้อโรคขนาดเล็กมากๆ ได้ มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM2.5 ได้ 55.70 %

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://exta.co.th/