รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคมชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น....เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เกี่ยวกับเรื่องการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเรื่องของการสรรหาตัวแทนสื่อมวลชน เพื่อเป็นตัวแทนของสื่อใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็รู้ทันทีว่าไม่มีความรู้ความเข้าใจ และยังไปแก้กฎระเบียบที่เคยใช้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาที่ดีอยู่แล้ว โดยให้มีการลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด แทนที่จะให้สื่อมวลชน ไปลงชื่อใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งที่ศอ.บต. ซึ่งสื่อมวลชนต้องเดินไปถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในลงชื่อ เพื่อให้มีการตรวจสอบว่าเป็นสื่อจริงหรือไม่ต่อจากนั้นต้องเดินทางไปศอ.บต. เป็นครั้งที่ 2 เพื่อไปลงคะแนน และวันนี้กลายเป็นว่า สื่อมวลชน ต่างเมินเฉยกับระเบียบที่ไม่เข้าท่าของผู้บริหารศอ.บต. 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสื่อมวลชนที่เป็นสื่อวิชาชีพ จังหวัดละไม่ต่ำกว่า 50 คนรวมทั้งหมดอยู่ที่ 250 คน ถึง 300 คน วันนี้มีผู้ไปลงชื่อ เพื่อใช้สิทธ์ิในการลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นตัวแทนของสื่อมวลชนในสภาที่ปรึกษาฯ เพียง 26 คน แล้วยังจะดันทุรัง ให้มีการเลือกตั้งในกติกาที่เขียนขึ้นใหม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ คนที่ได้รับการเลือกตั้งมีสถานะในการเป็นตัวแทนสื่อหรือไม่ เพราะสื่อที่ไปลงชื่อ ทั้งการสมัครเป็นตัวแทนสื่อ และสื่อผู้ไปลงชื่อในการใช้สิทธิการเลือกตั้ง เป็นการจัดตั้ง มาจากสื่อในจังหวัดเดียว ก็ฝากถึง พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้ทำการทบทวนให้ถ้วนถี่ ว่าเป็นการเลือกตัวแทนสื่อที่ถูกต้องหรือไม่ แต่สำหรับองค์กรสื่อวิชาชีพ อย่างสมาคมนักหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) เห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง รวมทั้งผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจากสื่อหยิบมือเดียว ไม่อยู่ในสถานะที่จะเป็นตัวแทนสื่อมวลชนของสื่อใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอที่จะไม่ร่วมสังฆกรรมในการเลือกตั้งตัวแทนสื่อมวลชน ของศอ.บต. ในครั้งนี้.....ที่สำคัญ ไม่ใช่เฉพาะในสาขาสื่อมวลชนที่มีปัญหา มีการร้องเรียนถึงการทำหน้าที่แบบไม่เอาไหน ผู้ที่อยู่ในกลุ่มอาชีพอื่นๆ ก็มีความวุ่นวายที่ไม่แตกต่างกัน มีปัญหาเกิดขึ้น มีแต่ข้าราชการระดับปฏิบัติการ ที่อ้างว่าทำตามกฎหมาย และตามกฎระเบียบ ทั้งที่กฎระเบียบแต่เดิมไม่ได้เป็นอย่างนี้ ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ระดับรองเลขาธิการ ระดับผู้ช่วยเลขาธิการ ไม่มีใครรับผิดชอบ ก็เพิ่งจะรู้จากสื่อมวลชนว่า วันนี้ ศอ.บต.เปลี่ยนไปแล้ว การเข้าถึงเป็นไปด้วยความลำบาก มีความเป็นชนชั้นที่มากขึ้น ก็ผิดหวังนะ กับศอ.บต.ยุคที่มีการได้สภาที่ปรึกษากลับมา แต่การมีสภาที่ปรึกษาฯอย่างเดียวไม่พอ ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ และเข้าถึงปัญหาด้วย...ผับเถื่อน ในจ.สงขลา ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ตำรวจฝ่ายปกครอง ยังไม่สามารถจัดระเบียบได้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ ผับเถื่อน ย่านถนนชีกิมหยง, ประตู 108 และธรรมนูญ ซึ่งยังคงมีผับเถื่อนนับร้อยแห่งที่ลักลอบเปิดนอกเขตโซนนิ่งมานาน โดยไม่มีหน่วยงานไหนกล้าเข้าไปจับ ผับเถื่อนในย่านดังกล่าว จึงทำให้ผับเถื่อนบางแห่งที่เปิดใกล้รั้วมหา’ลัย และสถานศึกษา วัด จึงกล้าปล่อยให้ นักศึกษา นักเรียน ปวส. เข้าไปใช้บริการ ผับเถื่อน เสพยา เปิดเกินเวลายันสว่างกัน งานนี้ก็เห็นทีต้องพึ่งท่าน พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา ช่วยสั่งการให้ พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ และ พ.ต.อ.บัณฑูร เทพสุวรรณ ผกก.สภ.คอหงส์ เร่งดำเนินการจัดระเบียบผับเถื่อนเป็นการด่วน...นี่ก็เปิดท้าทายอำนาจตำรวจสะเดา บ่อนการพนันที่บ้านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ที่เปิดอยู่บริเวณท้ายซอย 4 ติดกับซอย 6 บ้านไทยจังโหลน หรือด่านนอก ลอบเปิดเป็นบ่อนการพนันใหญ่โต มีรถจักรยานยนต์และรถยนต์จอดกันเต็มกว่าร้อยคันเพื่อเข้าไปเล่นการพนัน โดยมีเด็กนั่งคอยดูว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยไหนจะเข้าไปทลายบ่อนดังกล่าว จะได้รีบโทรแจ้งเจ้าบ่อนให้ปิดทันที....งานนี้ พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม ผกก.สภ.สะเดา ลองส่งนายตำรวจมือดี เข้าตรวจสอบหน่อยจะเป็นการดีมากๆ ครับ...
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี