ตร.ไซเบอร์เค้นสอบ"ผู้หมวดกองร้อยปอยเปต"อ้างชื่อ ตร.มุกดาหาร วิดีโอคอลหลอกโอนเงิน หลังจนมุมที่เชียงราย เผยขั้นตอนละเอียดการหลอกเหยื่อ รายได้งามล่อใจเดือนละ 5 หมื่นบาท ไม่รวมส่วนแบ่งจากค่าคอมมิชชั่นอีกร้อยละ 3-5
6 ก.พ.68 ที่บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.รรท.รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ประจำ (สบ 6) บช.ก.รรท.ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์แถลงจับผู้หมวดกองร้อยปอยเปต อ้างชื่อ ตร.มุกดาหาร วิดีโอคอลหลอกโอนเงิน
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ได้มีแก๊งคอลเช็นเตอร์โทรศัพท์ติดต่อมาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร สอบถามว่า ได้เปิดบัญชีธนาคารที่ จ.มุกดาหารไว้หรือไม่ เนื่องจากมีผู้ต้องหาคดียาเสพติดให้การซัดทอดว่า ได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย โดยให้ผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการแจ้งยอดเงินในบัญชีที่มีทั้งหมดทุกบัญชี และให้โอนเงินมาตรวจสอบ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย
ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.1 ได้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า นายอนุวัตฯ ผู้ถูกจับกุม มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ในการโทรศัพท์และวิดีโอคอลกับผู้เสียหาย (ทำหน้าที่สาย 2) จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับตามหมายจับศาลอาญาที่ 4769/2567 ลงวันที่ 27 กันยายน 2567
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.1 สืบทราบว่านายอนุวัติฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับหลบหนีไปอยู่บริเวณ ค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหารและเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบนายอนุวัติฯ อยู่บริเวณสถานที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหารับว่า ตนเป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณปี 2566 ผู้ต้องหาได้รับการชักชวนให้ไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยทราบว่าเป็นงานเกี่ยวกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ แต่เมื่อไปถึงกลับได้รับมอบหมายให้ทำงานในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งในขบวนการนี้มีทั้งคนไทยและคนจีนเป็นผู้ควบคุม และได้มีการกำหนดสคริปต์ในการหลอกลวงเหยื่อตามบทบาทที่แต่ละคนได้รับ อีกทั้งผู้ต้องหายังให้ข้อมูลว่า จะได้รับค่าตอบแทนในการทำงานเป็นเงินเดือน เดือนละประมาณ 50,000 บาท และยังได้ส่วนแบ่งเพิ่มเติมอีกประมาณ ร้อยละ 3 - 5 ของจำนวนเงินที่สามารถหลอกลวงได้ในแต่ละครั้ง ทำให้มีรายได้ต่อเดือนนับแสนบาท โดยทั้งหมดได้รับเป็นเงินสด
ตำรวจไซเบอร์จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมาหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน และขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆ มีอำนาจตามกฎหมายในการยึด อายัด ทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิด เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด โดยไม่ต้องให้เจ้าของทรัพย์สินโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้วิธีการวิดีโอคอลหาท่าน เพื่อโน้มน้าวหรือข่มขู่ให้ท่านโอนเงิน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบขอให้พี่น้องประชาชนนึกไว้ก่อนเลยว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี