ตำรวจไซเบอร์ ร่วม กสทช. สนธิกำลังปฏิบัติการ "ระเบิดสะพานโจร" ตามยุทธการ "ซิม สาย เสา" ทลายเครือข่ายวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจทุนจีนเทา ที่ย้ายเครือข้ายมาอยู่ที่อำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา ที่มีชายแดนติดกับด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
จากกรณีที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช) มีมติตัดไฟฟ้าบางพื้นที่ในฝั่งเมียนมาหลังพบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ประชุมมีมติให้ตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน รวม 5 จุด ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้ตัดกระแสไฟที่จุดรับมอบพลังไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้า บริเวณจุดติดตั้งมาตรวัดไฟฟ้าแรงสูง ด้านพรมแดนบ้านบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีตั้งแต่เวลา 09.00 น.ของวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
เมื่อล่าสุด 07.00 น.วันนี้ (6 ก.พ.68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) นำโดย พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1 รรท.ผบก.สอท.2, พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2, พ.ต.อ.ชัยรัตน์ วรุณโณ รอง ผบก.สอท.2 และ พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 ร่วมกับนายพงษ์ศักดิ์ ทรัพยาคม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กสทช.ภาค 1 พ.อ.นิวัฒน์ บุญธูป ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 (กอ.รมน.) นายสุธิชัย ลัดดางาม ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 13 (สุพรรณบุรี) พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิชัย ผกก.สภ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.ที่ 134 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี
สนธิกำลัง "ปฏิบัติการ ระเบิดสะพานโจร" ตาม ยุทธการ "ซิม สาย เสา" ทลายเครือข่ายวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจทุนจีนเทา ที่ย้ายเครือข้ายมาอยู่ที่อำเภอพญาตองซู รัฐมอญ ประเทศเมียนมา ที่มีชายแดนติดกับด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
การปฏิบัติการในครั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นเครือข่ายส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปให้บริการแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจทุนจีนเทา จำนวน 5 จุด ผลการปฏิบัติสามารถตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต(ไฟเบอร์ออฟติก)ที่บ้านพักหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ติดชายแดนฝั่งไทย โดยมีการโยงสายอินเตอร์เน็ตต่อไปยังบ้านอีกหลังหนึ่งในฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา ส่วนอีก 4 จุดอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ทั้งนี้ นายพงษ์ศักดิ์ ทรัพยาคม ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. ภาค 1 เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ภาค 1 ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.2)ให้นำเจ้าหน้าที่มาร่วมตรวจสอบบ้านต้องสงสัยในวันนี้ รวม 5 จุด โดย 4 จุดแรกนั้นเป็นการตรวจสอบทั่วไปตามลักษณะกายภาพของเสาเซลล์ไซต์หรือเสาโทรศัพท์มือถือ ที่เป็นอุปกรณ์สำหรับการสื่อสารไร้สายแบบข้ามแดน
ส่วนอีก 1 จุด เป็นบ้านเป้าหมายที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปขอหมายค้นจากศาลจังหวัดทองผาภูมิ ให้เข้าตรวจค้นเนื่องจากจุดดังกล่าวต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงแก๊งคอลเซนเตอร์ ขณะที่เราเข้าตรวจค้นนั้นพบว่าจุดดังกล่าวเป็นบ้านพักอาศัยของคนปกติ ซึ่งมีการเช่าใช้สัญญาณจากบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT จากนั้นมีการโยงสายอินเตอร์เน็ตจากตัวบ้านข้ามไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา แต่เป็นการโยงสายไฟเบอร์ออฟติก ข้ามไปเพียงแค่ 1 เส้นเท่านั้น
จากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวพบว่า เจ้าของบ้านได้เช่าใช้สัญญาณจากบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในราคาประมาณ 600 บาทต่อเดือน แต่จากการสอบปากคำผู้นำตรวจค้นได้ให้ข้อมูลว่าได้มีการเชื่อมโยงสายไฟเบอร์ออฟติกไปยังบ้านข้างเคียงที่อยู่ฝั่งประเทศเมียนมาเพื่อให้ได้ใช้งาน เนื่องจากว่าชาวพม่าที่อาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวต้องการให้ลูกใช้ในการเรียนหนังสือทางออนไลน์เท่านั้นและไม่ได้มีการประกอบกิจการทางธุรกิจแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.2 และสำนักงาน กสทช. ภาค 1 ได้ทำการรื้อสายและอุปกรณ์บางส่วนออกแล้ว รวมถึงรวบรวมเอกสารใบเสร็จการจ่ายเงินค่าบริการโทรศัพท์ให้กับบริษัท NT เพื่อนำไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.สังขละบุรีเอาไว้เป็นหลักฐานเอาไว้ จากนั้นจะทำการขยายผลต่อไปเพื่อตรวจสอบว่ามีการกระทำความผิดอย่างอื่นอยู่ด้วยหรือไม่อย่างไร หากพบว่ามีการกระทำความผิด สำนักงาน กสทช. ภาค 1 จะไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี