เตรียมเปิดฉากฝึก"คอบร้าโกลด์ 2025 ไทย-สหรัฐ" ผนึกกำลังยกระดับปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ - อพยพประชาชนพื้นที่วิกฤติ ย้ำ ไทยพันธมิตรทรงคุณค่า แม้เปลี่ยนประธานาธิบดี
7 ก.พ. 2568 กองบัญชาการกองทัพไทย พลเอกอุกฤษฏ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดร่วมกับ นายโรเบิร์ตส์ เอฟ โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเป็นประธานในการแถลงข่าวการฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ 2025 พร้อมด้วยผู้แทนกองทัพสหรัฐอเมริกาและผู้แทนกองทัพพันธมิตรประเทศที่เข้าร่วมฝึก
โดยพลเอกอุกฤษฏ์ เน้นย้ำถึง วัตถุประสงค์ในการฝึกเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง มิตรประเทศ และพัฒนาขีดความสามารถในการประยุกต์ใช้กำลังรบในสถานการณ์วิกฤตต่างๆ ที่ไม่ใช่เพียงสถานการณ์ทางทหาร อะไรก็ตามที่เป็นภาวะวิกฤติ ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน เราจะประยุกต์ใช้กำลังทหารเพื่อแก้ไขสถานการณ์วิกฤตนั้น นอกจากนี้จะยังฝึกเพื่อ ใช้ระเบียบปฏิบัติประจำ ในลักษณะกองกำลังผสมนานาชาติ
โดยในปีนี้จะเป็นการฝึกสตาฟ เอ็กซ์ หรือไลฟ์เยียร์ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นว่า ในปีนี้จะมีการฝึกประเทศที่เกี่ยวข้อง 30 ประเทศ มีการฝึกบางส่วนบางกิจกรรม หรือ ฝึกทุกกิจกรรม
โดยกำหนดการฝึกที่สำคัญคือการฝึกหารแก้ปัญหาที่บังคับการเพื่อควบคุมอำนวยการยุทธ์ และอำนวยการปฏิบัติ ในลักษณะของที่บังคับการผสมนานาชาติ แต่ปัจจัยสำคัญที่ตนอยากเน้นย้ำว่า การฝึกปีนี้เป็นการฝึกในหลายหลายมิติ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทางไซเบอร์ และทางห้วงอวกาศ ซึ่งจะพัฒนาขีดความรู้และความสามารถ ของกองทัพไทยและมิตรประเทศที่เข้าร่วม และยังสามารถใช้ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เตรียมพร้อมกำลังพลให้มีความทันสมัยในวิทยากาลของภัยคุกคราม
นอกจากนี้การฝึกคอบร้าโกลด์ ยังมีโครงการช่วยเหลือประชาชนจะมีการสร้างโรงเรียนในพื้นที่ 5 แห่ง การฝึกการช่วยเหลือด้ามนุษยธรรมและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมมือกันรับสภาพภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภายใต้กลไกนานาชาติ และการฝึกภาคสนามจะเป็นการฝึกระหว่างกองทัพเรือกองทัพบก กองทัพกองทัพอากาศ โดยมีกิจกรรมสำคัญคือ การฝึกสะเทือนน้ำสะเทือนบก ยิงจรวดหลายลำกล้อง โจมตีเป้าหมายทางทะเล การต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ การอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ขัดแย้ง และการฝึกกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง
พลเอกอุกฤษฏ์ กล่าวอีกว่า การอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ขัดแย้ง ได้ใช้ประสบการมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนไทยที่อยู่ในต่างแดน เพื่อนำประชาชนที่ได้รับผลกระทบกับประเทศไทย พร้อมกับยามว่าการฝึกในครั้งนี้จะสามารถพัฒนาขีดศักยภาพ เพิ่มพูน โอกาสได้กลับกองทัพไทย ทั้งวิชาการความชำนาญ เทคโนโลยีทางการทหาร ที่สอดคล้องกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต และจะพัฒนาความพันธ์ต่อกันกับทุกชาติที่ร่วมฝึก และเป๋นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ในการพัฒนาความร่วมมือการสร้างความร่วมมือให้เป็นที่ประจักษ์ในสากล
ด้านเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า ไทยและสหรัฐมีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน กว่า 190 ปี ทั้งการค้าเทคโนโลยี การเชื่อมโยงของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งความสัมพันธ์ด้านการทหาร และความมั่นคง ก็เป็นส่วนสำคัญกับความร่วมมือที่ยาวนานนี้ การฝึกคอบร้าโกลด์ ครั้งที่ 44 เป็นข้อพิสูจน์ ความแข็งแกร่ง ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐ และประโยชน์ต่อการฝึกนั้นมีความสำคัญยิ่ง ต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีความท้าทายต่อความมั่นคงในรูปแบบใหม่ เช่น เรื่องไซเบอร์ อวกาศ ภัยพิบัติตามธรรมชาติ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ โดยประเทศเดียวตามลำพัง การฝึกคอบร้าโกลด์ ทำให้เกิดการรวมทักษะ และมุมมองด้านวัฒนธรรม ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อภูมิภาคอินโดแปซิกที่แข็งแกร่ง สงบสุขมั่งคั่ง และจะทำงานร่วมกัน ในหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ เพื่อสร้างรากฐานความมั่นคงในภูมิภาค และความมั่งคั่งสำหรับชาวอเมริกาและชาวไทย เช่น การค้าขายทางทะเลทั่วโลก 60% เดินทางผ่านภูมิภาคเอเชียแปซิก การฝึกคอบร้าโกลด์ คงความพร้อม ในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน มีการปล้นสะดมทางทะเลมากขึ้น ตามเส้นทางขนส่งหลักทั่วโลก การรักษาความปลอดภัย ในเส้นทางการค้าทางทะเลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้การไหลเวียนของสินค้าเป็นไปอย่างเสรี ช่วยลดต้นทุน ให้ไทยและอเมริกาเติบโตอย่างมั่งคั่ง
เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยังกล่าวว่า การชำระเงินแบบดิจิทัลผ่าน QR Code มากกว่าร้อยละ 70 ในการซื้อของบริโภค หรือ แอปพลิเคชั่น อื่นๆในการชำระเงิน ล้วนเป็นการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งมาพร้อมกับการหลอกลวง ธุรกรรมทางออนไลน์ และการฉ้อโกงทางดิจิทัล ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ที่สร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจไทย หลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นความร่วมมือด้านการป้องกันภัยทางไซเบอร์ ต่อการฝึก คอบร้าโกลด์ เป็นโอกาสเข้าถึงความเชี่ยวชาญ การฝึกอบรมทางไซเบอร์ที่ทันสมัยที่สุด เพื่อรับมือกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น การหลอกลวงทางออนไลน์ การพัฒนาความเชี่ยวชาญของสหรัฐ เพื่อต่อต้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ ช่วยให้รักษาความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐาน ทางการเงินดิจิทัลปกป้องชาวอเมริกัน และคนไทย จากภัยคุกคามออนไลน์ได้
โดยการฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ 2025 เป็นครั้งที่ 44 โดยมีประเทศเข้าร่วมการฝึกหลักจำนวน 7 ประเทศประกอบไปด้วย ไทย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นสาธารณรัฐเกาหลี และมาเลเซีย /ด้านประเทศที่เข้าร่วมฝึกเพิ่มเติมในโครงการช่วยเหลือประชาชนจำนวน 2 ประเทศได้แก่สาธารณรัฐประชาชนจีนและอินเดีย /ขณะที่ประเทศที่เข้าร่วมฝึกเพิ่มเติมในการควบคุมและบังคับบัญชาคือ ออสเตรเลีย
สำหรับกลุ่มประเทศที่หมุนเวียนเข้าร่วมกิจกรรมได้แก่ ประเทศในโครงการเสนาธิการผสม ส่วนเพิ่มนานาชาติหรือ MPAT Multinational Planning Augmentation Team จำนวน 10 ประเทศประกอบด้วย บังคลาเทศ แคนาดา ฝรั่งเศสมองโกเลีย เนปาล นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ ฟิจิสหราชอาณาจักร และบรูไนอ และประเทศที่เข้าร่วมในโครงการสังเกตการฝึก ประกอบด้วย 10 ประเทศได้แก่กัมพูชาลาวบราซิลปากีสถานเวียดนาม เยอรมันนี สวีเดน อิตาลี คูเวต และติมอร์-เลสเต จำนวนทั้งสิ้น 30 ประเทศ ยอดผู้เข้าร่วมการฝึกทั้งสิ้น 8,000 นาย แบ่งเป็นกำลังพลกองทัพไทย 3,000 นาย สหรัฐอเมริกา 3,000 นาย และพันธมิตร 900 นาย โดยเป็นการฝึกระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 7 มีนาคม 2568
โดยในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา จะมีผลต่อการฝึกในภูมิภาคอาเซียนหรือไม่ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เลี่ยงการตอบคำถามถึงกรณีดังกล่าว โดยกล่าวว่าไทยและสหรัฐมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางการทูต ครบ 192 ปี และเรายังเป็นพันธมิตรร่วมกัน ด้านความมั่นคงมากกว่า 7 ทศวรรษ ทางสหรัฐให้คุณค่าและความสำคัญ ความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วน ของไทยและสหรัฐ การฝึก คอบร้าโกลด์ คือตัวอย่างอย่างหนึ่ง ของความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม ด้านความมั่นคง และจะยังคงอยู่ต่อไป ตลอดจนถึงความร่วมมือด้านอื่นๆ และเชื่อว่าเราจะมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นต่อไปในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี