"นายอำเภอศรีสวัสดิ์" ลงพื้นที่ชี้แจงเกษตรกรชาวไร่ พรานหาของป่า เพื่อร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง "คนดีไม่เผา" ตามยุทธการ 90 วัน คนดีไม่เผา คนเผาโดนจับ ส่วน "นายอำเภอทองผาภูมิ" ควง "หัวหน้าอุทยานฯ" ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน รณรงค์ห้ามเผา
วันนี้ (7 ก.พ.68) นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า วันนี้อำเภอศรีสวัสดิ์ ได้ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน เกษตรอำเภอ และเจ้าหน้าที่อุทยาน ลงพื้นที่ หมู่ 3 บ้านบนเขาเแก่งเรียง ตำบลท่ากระดาน เพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกรชาวไร่และพรานหาของป่า ให้เห็นถึงสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 ของอำเภอศรีสวัสดิ์ ที่ส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนและมีแนวโน้มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ป่า
ประกอบกับท่านอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกประกาศห้ามเผาโดยเด็ดขาดทุกพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา และให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และตนเองนายอำเภอศรีสวัสดิ์ก็ได้มีคำสั่งกำหนดยุทธการ “90 วัน คนดีไม่เผา คนเผาโดนจับ” เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนของหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ทั้งฝ่ายปกครอง เกษตร อุทยาน ตำรวจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบังคับใช้กฏหมาย และคำสั่งดังกล่าวกำหนดให้ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับเกษตรอำเภอและอุทยาน จัดทำบัญชีรายชื่อเกษตรกรและพรานหาของป่า เพื่อสร้างความเข้าใจมาตรการต่างๆของราชการ และร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง “คนดีไม่เผา” ตามยุทธการ 90 วัน คนดีไม่เผา คนเผาโดนจับ
นายอำเภอศรีสวัสดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่ลงพื้นที่มาหลายหมู่บ้าน พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ก็ให้การตอบรับและเข้าใจสถานการณ์ปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฯ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอศรีสวัสดิ์ และมีความยินดีในการร่วมมือกับราชการโดยการลงนามในบันทึก “ คนดีไม่เผา ” อย่างคืนวันที่ 6 ก.พ. ที่หมู่ 4 บ้านท่าสนุ่น ตำบลด่านแม่แฉลบ ของกำนันคำนวณ ขำสุวรรณ และวันนี้ มาที่ หมู่ 3 บ้านบนเขาแก่งเรียง ตำบลท่ากระดาน ของผู้ใหญ่สุภานี ตองแก้ว ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ออกมาแสดงตน ลงนามแสดงเจตนาไม่เผา โดยนายอำเภอศรีสวัสดิ์ได้มอบหมายปลัดอำเภอประจำตำบล ลงพื้นที่ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงชาวบ้านและให้ลงนามในบันทึกข้อตกลง “ คนดีไม่เผา ”ให้ครบทั้ง 33 หมู่บ้านภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้
ด้านอำเภอทองผาภูมิ บูรณาการหลายหน่วยงานเดินเคาะประตูบ้าน จัดกิจกรรม Kick off เปิดปฏิบัติการ “ตัดไฟ แต่ต้นลม” โดยเมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ 7 ก.พ.68 นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ บูรณาการหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ทั้งตำรวจ ทหาร ตชด.ที่ 135 เกษตรอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่แบบเคาะประตูบ้านเพื่อประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างการรับรู้ให้ประชาชน และขอความร่วมมือชาวอำเภอทองผาภูมิ งดเผา เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหากรณีมีการลักลอบเผาหรือเกิดไฟไหม้ ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้เผาป่าตอซังข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อยและเศษซากพืชอื่นๆเพื่อแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่น pm 2.5 ตามบ้านเรือนประชาชน ชุมชน ตลาดสด และพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ หากพบเห็นไฟไหม้ป่า ขอให้แจ้งเบาะได้ที่ที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ
นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ กล่าวว่า วันนี้อำเภอ Kick off งดการเผาทุกชนิดภายใน 90 วันตามนโยบายของจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีสุขภาพที่ดีและปลอดมลพิษจากการเผาทุกชนิด โดยนายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้มีมาตรการเชิงรุกในการหยุดเผาป่า เพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่า มีเป้าหมาย hot spot ลดลงอย่างน้อย 30 % โดยมีเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่นายนพพันธ์ เกตุพุฒ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.4 (อู่ล่อง) เผยว่าทางหน่วยได้ทำงานเชิงรุก ประสานกับผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน ให้งดการเผาทุกชนิด ถ้าหากพบการเผาสามารถโทรแจ้งได้ที่เจ้าหน้าที่เบอร์ 1362
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี