ถอดบทเรียนจากเทศถึงไทย ย้ำ‘กาสิโน-พนันออนไลน์’ได้ไม่คุ้มเสีย ปัญหาศก.-สังคมอื้อ ข้องใจเปิดช่องให้คนเล่นกู้ได้
8 ก.พ. 2568 ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม จัดเสวนาหัวข้อ “สังคมเศรษฐกิจไทยในนโยบายกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย” โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีข้อพิจารณากรณีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่อ้างว่าจะได้รับ ไล่ตั้งแต่ 1.รายได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งเรื่องนี้รัฐได้
2.เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นจากรายได้ของกาสิโน ก็เป็นอีกเรื่องที่รัฐได้ เพราะตามสถิติเกมต่างๆ ก็ต้องคิดมาให้เจ้าของกิจการได้เปรียบอยู่แล้ว แต่รัฐจะได้มากหรือน้อยก็ต้องไปดูรายละเอียด เช่น หากอนุญาตให้ตั้งกาสิโนได้ในจำนวนน้อยเพียงไม่กี่แห่ง ใบอนุญาตและกำไรก็เหมือนผูกขาด ค่าเช่าทางเศรษฐกิจก็สูง แต่หากอนุญาตให้เปิดในจำนวนมากขึ้น หรือไปสุดทางคือเปิดอย่างเสรี เพราะตามร่างกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดว่าเปิดได้กี่แห่ง ขึ้นอยู่กับอำนาจของคณะกรรมการ หากกรรมการให้มีกาสิโนเกิดขึ้นจำนวนมาก มูลค่าก็ลดลงเพราะการแข่งขันสูงขึ้น
3.เกิดการจ้างงาน ประเด็นนี้เริ่มมีคำถาม เช่น หากไปดูธุรกิจในภาคบริการ เช่น โรงแรม ภัตตาคาร เสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจคือนับตั้งแต่หลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 หาคนมาทำงานไม่ค่อยได้ สมมติหากมีกาสิโนแล้วเน้นการจ้างคนไทย ถามว่าจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาหรือไม่ สุดท้ายก็จะต้องจ้างชาวต่างชาติ อย่างตนเคยมีโอกาสเข้าไปดูแลในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะยอมไม่เก็บภาษีเพื่อดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาลงทุน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเน้นการจ้างแรงงานไทย เพราะต้องการให้คนไทยมีงานทำ
“ปัจจุบันบริษัทที่ได้รับการส่งเสริม พยายามมาขอผ่อนผันหรือขอยกเว้นตลอดเวลา ขอจ้างต่างด้าวได้ไหม? จนบางทีคนทำนโยบายก็หลงลืมไปเลย อยากได้ตัวเลขเงินลงทุน แต่เอาเข้าจริงๆ พอเงินลงทุนเป็นตัวเลขเข้ามาผลประโยชน์ที่ตกแก่คนไทยจริงๆ น้อยมาก คือแทบไม่ได้จ้างงานเลยหรือจ้างก็ไม่ได้จ้างคนไทย เป็นปัญหาแน่นอน ฉะนั้นผมไม่ค่อยมองเห็นเลยว่าเรื่องอ้างจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอะไรต่างๆ จะมีผลในเชิงบวกอย่างชัดเจนกับระบบเศรษฐกิจ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า 4.ดังดูดนักท่องเที่ยว จริงๆ ประเทศไทยมีสิ่งดีๆ อยู่มาก อย่างรัฐบาลปัจจุบันก็พูดเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้เยอะแยะไปหมด ในทางกลับกัน การมีกาสิโนจะเข้าไปเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพื้นที่ว่าตกลงแล้วประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบไหน และหากจะบอกว่าต้องการดึงความเจริญ การอนุญาตก็ต้องไปสร้างใหม่ในพื้นที่กันดารห่างไกล แต่ก็จะมีคำถามเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนอีก
ส่วนที่บอกว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มีกาสิโนเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เวลานักท่องเที่ยวมาก็จะมาใช้บริการส่วนอื่นๆ ด้วย ในความเป็นจริงเท่าที่เคยสังเกต หากเป็นคนที่ต้องการไปกาสิโนก็ไม่เห็นจะไปทำอย่างอื่น คือหายไปจนกระทั่งถึงตอนกลับหรือจนหมดตัวแล้วค่อยเลิก ไม่ใช่ว่า 1 ชั่วโมงเล่นการพนัน จากนั้น 1 ชั่วโมงออกมาของกิน อีก 1 ชั่วโมงไปชมวัฒนธรรม
ที่สำคัญคือยังไม่ได้พูดถึงผลกระทบทางสังคม ไม่ว่ากาสิโนหรือพนันออนไลน์ หากเป็นการทำให้คนเล่นการพนันกันมากขึ้น สิ่งที่ตามมา เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้สิน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย เมื่อคนติดการพนันแล้วหาเงินไปเล่นไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อาทิ ใช้ความรุนแรง คดโกง ส่วนคำถามว่า หากจะให้มีธุรกิจการพนันถูกกฎหมายในประเทศไทยต้องทำอะไรบ้าง 1.ประชากรต้องได้รับการปลุกฝังให้มีภูมิคุ้มกันที่ดีพอสมควร 2.การบังคับใช้กฎหมายต้องเข้มแข็งและเที่ยงตรง
และ 3.ต้องไม่มีปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งรวมถึงธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ ที่จะเข้ามาอาศัยในวงจรธุรกิจกาสิโนเพื่อฟอกเงิน ถามว่าจะได้เห็น 3 ข้อนี้ หรืออย่างน้อยสักข้อใดข้อหนึ่งหรือไม่ นอกจากนั้น การทำของผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย เป็นการส่งสัญญาณให้คนที่ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องจะเข้าไปมากขึ้น เช่น จากคนที่ไม่เคยเล่นการพนันเพราะเห็นว่าผิดกฎหมาย ต่อมาเมื่อถูกกฎหมายก็จะลองเข้าไปเล่น จำนวนคนเล่นการพนันก็จะเพิ่มขึ้น และจะเพิ่มอย่างมหาศาลหากเป็นการพนันออนไลน์
ส่วนที่มีคำถามจากสื่อว่า เรื่องนี้จะเป็นประเด็นต่อรองทางการเมืองหรือไม่ เพราะพรรคฝ่ายรัฐบาลจะดันเรื่องกาสิโนในนามเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ในขณะที่ก็มีข้อสังเกตว่าพรรคฝ่ายค้านหลักไม่ได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่เอาการพนัน มีเพียงข้อท้วงติงอยากให้ปรับปรุงกฎหมายเท่านั้น เนื่องจากต้องการผลักดันเรื่องยกเลิกความผิดอาชีพขายบริการทางเพศ ตามที่รับเรื่องมาจากภาคประชาสังคมเช่นกัน เรื่องดังกล่าวตนไม่ได้มองอย่างนั้น แต่มองว่าพรรคฝ่ายค้านหลักเผยแพร่ชุดความคิดว่าอะไรที่ผิดกฎหมายแต่อยู่ในชีวิตจริงก็ให้นำขึ้นมา มองเป็นจุดยืนมากกว่าเรื่องแลกเปลี่ยน
“ผมเข้าใจว่าผู้ที่พยายามหาทางแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องของการค้าประเวณี หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเพศ มันมีมุมที่เกี่ยวข้องอย่างเช่นเราจะคุ้มครอง ให้สวัสดิการผู้ที่เข้าไปอยู่ในวงจรตรงนี้อย่างไร? แล้วที่ผมตั้งคำถามคือกรณีเรื่องของการพนัน เรามีประเด็นอะไรที่บอกว่าเปิดบ่อนถูกกฎหมาย ทำการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายแล้วเรากำลังช่วยคุ้มครองเหยื่อ? อย่างกรณีการค้าประเวณีที่บอกถูกค้ามนุษย์ หรือไม่มีสวัสดิการ ไม่สามารถได้รับสิทธิบางอย่าง ประเด็นคืออะไร? ผมมองไม่เห็น ถึงบอก 2 กรณีนี้มันเทียบเคียงกันไม่ได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หากไปดูตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ที่บอกว่ามีการพนันถูกกฎหมายหรือกาสิโนแล้วควบคุมได้ดี ในส่วนของออนไลน์เป็นเพียงช่องทางการอนุญาตในกิจกรรมดั้งเดิมที่อนุญาตอยู่แล้วเท่านั้น อาทิ ทายผลการแข่งม้า ทายผลการแข่งขันฟุตบอล หรือซื้อหวยล็อตโต้ แต่สิงคโปร์ก็ไม่อนุญาตให้ตั้งกาสิโนออนไลน์ ที่หมายถึงผู้เล่นเข้าไปเพื่อเล่นเกมการพนันในขณะนั้น ซึ่งอย่างหลังนี้ก็คือภัยพิบัติที่ถูกพูดถึงในปัจจุบัน
และ ณ วันที่รัฐบาลสิงคโปร์มีแนวคิดตั้งกาสิโน ได้เชิญทุกฝ่ายมาพูดคุยอย่างรอบด้านจนได้ข้อสรุป 1.ทำไมสิงคโปร์ต้องมีกาสิโน ซึ่งก็มาจากการที่ประเทศไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ 2.จะลดผลกระทบทางสังคมได้อย่างไร มีการกำหนดแผนการและผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน 3.จะจัดการปัญหาอาชญากรรมอย่างไร เช่น กาสิโนมักมากับปัญหาการฟอกเงิน และ 4.ค่านิยมในสังคมจะเป็นอย่างไร หากอนุญาตให้มีกาสิโนขึ้นในประเทศ โดยเน้นย้ำว่าจะต้องรักษาไว้ซึ่งค่านิยมเรื่องความสำเร็จมาจากการทำงานและความพากเพียร ไม่ใช่หวังรวยเร็วๆ เพ้อฝันกับเรื่องพวกนี้
นอกจากนั้น สิงคโปร์ยังเริ่มให้มีกาสิโนเพียง 2 แห่ง เพื่อเป็นเพียงโครงการทดลอง โดยจะมีการประเมินผลนโยบายดังกล่าวในปี 2573 อีกทั้งใบอนุญาตประกอบกิจการกาสิโนในกัมพูชา ยังมีอายุเพียง 3 ปี เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ก่อนจะต่อใบอนุญาต และเคยมีผู้ประกอบธุรกิจกาสิโนถูกท้วงติงมาแล้ว โดยลดเวลาการต่อใบอนุญาตของรายนั้นเหลือ 2 ปี ให้ไปแก้ไขปัญหาที่แจ้งให้เรียบร้อย
แต่ประเทศไทยมีแนวคิดจะให้ใบอนุญาต 30 ปีบ้าง 20 ปีบ้าง ซึ่งจริงๆ ไม่ควรเกิน 10 ปี เพราะหากให้ใบอนุญาตระยะยาว หากเกิดปัญหาและรัฐต้องการเปลี่ยนแปลงก็ไม่สามารถทำได้ ดังตัวอย่างของ กัมพูชา กรณีรัฐบาลต้องการย้ายกาสิโนจากกรุงพนมเปญไปอยู่ในเมืองชายแดน ภาคธุรกิจก็ไปฟ้องศาลซึ่งจบด้วยรัฐบาลเป็นฝ่ายแพ้ เพราะกัมพูชาเคยให้ใบอนุญาตประกอบกิจการกาสิโนนานถึง 70 ปี จนถึงปัจจุบันในพนมเปญก็ยังมีกาสิโนอยู่
และโดยเฉพาะตัวอย่างที่น่าเศร้า คือเมืองสีหนุวิลล์ จากเมืองชายทะเลและมีชื่อเสียงด้านการเป็นเมืองตากอากาศอันดับ 1 ของกัมพูชา เคยตั้งเป้าให้เป็นคู่แข่งกับเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ของไทย แต่ด้วยความที่ไม่ได้คัดกรองทุนที่จะมาลงในสีหนุวิลล์ มองเพียงการเกิดขึ้นของตึกสูงจำนวนมาก ผลคืออาคารที่ถูกสร้างขึ้นเหล่านั้นมักถูกใช้เป็นกาสิโน ตามด้วยการมาของกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ในขณะที่คนท้องถิ่นถูกเบียดขับออกจากเมืองไปอยู่ด้านนอก เนื่องจากราคาที่ดินในสีหนุวิลล์แพงขึ้น
กระทั่งเมื่อรัฐบาลจีนเริ่มเอาจริงกับการกวาดล้างการพนัน ตั้งแต่ในประเทศจีนเองที่ควบคุมการนำเงินไปเล่นการพนันในมาเก๊าเพราะต้องการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตแล้วนำเงินไปฟอกในกาสิโน การออกกฎหมายห้ามจัดทัวร์พาชาวจีนเดินทางออกไปเล่นการพนันในต่างประเทศ และไม่อนุญาตให้มีกาสิโนออนไลน์ในจีน รวมถึงกดดันประเทศอื่นๆ ที่อนุญาตให้มีการพนันโดยหวังจะดึงดูดลูกค้าชาวจีน ซึ่งกัมพูชาที่อนุญาตให้มีทั้งกาสิโนและกาสิโนออนไลน์ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้รัฐบาลกัมพูชาต้องยกเลิกการอนุญาตในส่วนของกาสิโนออนไลน์
“มีการเข้าไปปราบ เจอสภาพเดียวกับฟิลิปปินส์ มีทั้งการกักขังหน่วงเหนี่ยว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีทุกอย่าง ถึงได้ถูกขับไล่ออก แล้วก็ปรากฏว่าคนที่อยู่ที่นั่นหลายแสนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย มันถึงได้เกิดขบวนการที่ต้องอพยพขนย้าย ก็เลยย้ายมาอยู่ใกล้เรา มาทางเมียวดี มาอยู่ทางนี้ แล้วสุดท้ายที่สีหนุเหลืออะไร? เหลือแต่ซาก ที่รัฐบาลต้องคิดหนักว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร” รศ.ดร.นวลน้อย ระบุ
รศ.ดร.นวลน้อย กล่าวต่อไปว่า ขณะที่ประเทศ ฟิลิปปินส์ อนุญาตให้มีกาสิโนตั้งแต่ปี 2520 โดยหวังจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว โดยรัฐบริหารจัดการกาสิโนเองซึ่งก็ไม่ได้กำไรมากนัก แต่ด้วยความหลวมของข้อกฎหมาย ทำให้ฝ่ายการเมืองล้วงรายได้ของกาสิโนไปใช้ได้ง่ายและไม่ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้เงินตามที่ตั้งไว้ ต่อมามีการอนุญาตให้ภาคเอกชนตั้งกาสิโนได้ ยุคนี้จะเริ่มมีทั้งกาสิโนแบบเดี่ยวๆ และแบบที่อยู่กับสถานบริการอื่นๆ จากนั้นยังอนุญาตให้เกิดกาสิโนออนไลน์ขึ้นอีก โดยกำหนดให้เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้นที่เล่นได้ ซึ่งเวลานั้นก็คือชาวจีน
แต่เมื่อรัฐบาลจีนเอาจริงกับการกวาดล้างการพนัน ฟิลิปปินส์ก็ถูกกดดันจากจีน ทำให้ระยะแรกๆ ฟิลิปปินส์ต้องค่อยๆ ลดการให้ใบอนุญาต นอกจากนั้น ฟิลิปปินส์ยังเคยถูกรัฐบาลบังกลาเทศฟ้อง เพราะธนาคารในบังกลาเทศถูกโจรกรรมเงินทางไซเบอร์ และเมื่อสืบสวนเส้นทางการเงินก็พบว่าปลายทางไปอยู่ในกาสิโนของฟิลิปปินส์ ทำให้ตั้งแต่ปี 2564 ฟิลิปปินส์ถูกขึ้นบัญชีสีเทาจากหน่วยงานระหว่างประเทศที่ตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างฟิลิปปินส์กับต่างประเทศ รวมถึงต่างชาติกังวลใจเรื่องการลงทุนในฟิลิปปินส์
“ในปี 2565 สิ่งที่เราได้เห็นในการหลอมรวมของบ่อนกาสิโน ฟอกเงิน คอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ มันปรากฏชัดมากในฟิลิปปินส์ มีการบุกเข้าไปในที่ตั้งของสถานที่ให้บริการพนันออนไลน์ เจอสารพัดเรื่อง เจอคนถูกคุมขัง เจอคนต่างชาติโดนทรมาน การค้ามนุษย์ ทุกอย่างเลย อันนั้นอาจจะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ แต่อีกเดือนหนึ่งบุกเข้าไปช่วยคนต่างชาติออกมาเยอะแยะเลย อีกเดือนบุกเข้าอีกบ่อนอีกที่หนึ่ง อยู่ในกรุงมะนิลา คราวนี้ใหญ่โตมา ช่วยออกมาเกือบ 3,000 คน เป็นต่างชาติพันกว่าคน จาก 11 ประเทศ” รศ.ดร.นวลน้อย กล่าว
รศ.ดร.นวลน้อย ยังกล่าวอีกว่า ในกรณีฟิลิปปินส์ยังมีปัญหาการใช้ความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการพนัน โดยในคนที่เล่นเสียและติดหนี้สินเพราะกลไกกำกับดูแลไม่ดีปล่อยให้เกิดการให้กู้เงินเพื่อเล่นพนัน นำไปสู่การลักพาตัวคนที่เป็นหนี้ไปทำร้ายร่างกายหรือเรียกค่าไถ่ และแม้ในคนที่เล่นชนะได้เงินมาก็ใช่ว่าจะรอด ออกจากบ่อนมาก็ถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ได้เช่นกันเพราะมีคนรู้ว่าได้เงินรางวัลมามาก
ส่วนที่มีคำถามจากสื่อ เปรียบเทียบเรื่องการทำให้สิ่งผิดกฎหมายหรือของที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน ระหว่างการพนันกับการค้าประเวณี ประเด็นนี้เข้าใจว่า 2 เรื่องดังกล่าวผลกระทบไม่เหมือนกัน โดยเรื่องการค้าประเวณี อย่างน้อยที่สุดก็เป็นความสมัครใจ หากไมได้ถูกบังคับ เข้าใจว่ากฎหมายมาจากค่านิยมว่าเป็นสิ่งไม่ควรทำ แต่สมัยใหม่ค่านิยมก็เปลี่ยนไปเยอะ แตกต่างจากเรื่องกาสิโน งานวิจัยจากต่างประเทศ ผลกระทบจากการติดพนันไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับคนคนเดียว แต่รวมถึงคนอื่นๆ เท่าที่ไปนับกันมาคือสิบกว่าคน เช่น พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ฯลฯ ต้นทุนตรงนี้มหาศาล
นายเขตน่าน พิณโสภณ นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 2566 กล่าวว่า แม้หลายประเทศจะอนุญาตให้มีการพนันถูกกฎหมาย แต่หากสังเกตดูดีๆ แทบทุกประเทศไม่มีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Healthcare) อาจมีบางประเทศที่มีระบบนี้ เช่น สวีเดน แต่สิ่งที่สวีเดนต่างกับไทยคือคนสวีเดนส่วนใหญ่มีเงินออมฉุกเฉินยามเจ็บป่วย (Emergency Cash Reserve) ในขณะที่ประเทศไทย เคยมีผลสำรวจจากศูนย์วิจัยสุขภาพภาคใต้ พบว่า มีคนไทยเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นที่มีเงินออมฉุกเฉินยามเจ็บป่วย
และยิ่งเมื่ออ้างข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ที่พบว่าสังคมไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำอยู่แล้ว ซึ่งการพนันก็เป็นปัจจัยเสี่ยงเรื่องความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ (Economic Distress) นอกจากนั้น เคยมีงานวิจัยของนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ที่ทำกับกลุ่มตัวอย่างประมาณ 200 คน พบว่า ร้อยละ 95 เคยเล่นการพนัน เมื่อนำไปรวมกับเรื่องคนไทยร้อยละ 85 ไม่มีเงินออมฉุกเฉิน ก็มีโอกาสที่ในร้อยละ 85 ของคนที่ไม่มีเงินออมฉุกเฉิน จะอยู่ในร้อยละ 95 ของคนที่เล่นการพนัน
ส่วนที่บอกว่าการจะเข้าไปเล่นในกาสิโนได้ กรณีประเทศไทยจะอนุญาตให้มี แล้วกำหนดให้ต้องมีค่าแรกเข้า 5 หมื่นบาท แต่คนไทยลำพังเงิน 5,000 บาท ที่ถามไปในเรื่องเงินออมฉุกเฉินก็ยังไม่พร้อมจะมี ถามว่าแล้วจะมีสักกี่คนที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโนได้ ซึ่งก็มีผลสำรวจที่คล้ายกัน คือความพร้อมจ่ายในการเข้าร้านเหล้าที่ต้องเสียค่าเปิดโต๊ะในราคาแพง พบว่ากลุ่มคนที่กล้าจ่ายคือคนรุ่นใหม่วัยเพิ่งเริ่มทำงาน อายุ 30 ปีลงมา ซึ่งก็ทราบกันอยู่ว่าปัจจุบันคนวัยนี้มีปัญหาวินัยการเงินและหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่แล้ว
“ถ้าคุณอนุญาตให้มีจริงๆ คนไทยที่เข้าไปอยู่ตรงนั้นมันเป็นการทำให้เขาเปราะบางมากขึ้น แล้วทำให้ประเทศไทยตอนนี้เงินมันหมุนไม่ 100% มันเกิดเงินโดนดูดออกนอกระบบเข้าเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันอาจจะทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจล่มสลายลงไปได้ และที่สำคัญคือภาระค่าใช้จ่ายเรื่องของ Universal Healthcare บ้านเราที่เยอะอยู่แล้ว มันมีงานวิจัยที่ค่อนข้างชัดเจนและใช้ร่วมกันได้ ว่าการที่คุณมีกาสิโน เขามีต้นทุนทางอ้อมที่เกิดจากค่ารักษาสุขภาพสูงมาก” นายเขตน่าน กล่าว
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโน ในฉบับของรัฐบาลมีข้อสังเกตเรื่องการให้อำนาจซูเปอร์บอร์ด หรือคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร อย่างมาก ทั้งการกำหนดว่าจะให้มีกาสิโนได้กี่แห่ง ขนาดของกาสิโนเท่าไร ไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ขอความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่จะมีการตั้งกาสิโน ซึ่งเคยมีเงื่อนไขนี้กำหนดไว้ในร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เสนอ แต่ถูกตัดออกไปในร่างของรัฐบาล
เรื่องใบอนุญาตก็ไม่มีการประมูล ให้ใช้การอนุญาต ซึ่งก็ให้อำนาจของซูเปอร์บอร์ด ไม่มีมาตราใดที่พูดถึงอัตราภาษีที่จะเก็บจากกาสิโน แต่ให้ซูเปอร์บอร์ดเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกจากนั้นจำนวนเงินที่จะจัดเก็บ พบว่ากำหนดเพียงอัตราขั้นสูงเท่านั้น อาทิ เช่น ค่าใบอนุญาตประกอบกิจการกาสิโน เริ่มแรกกำหนดไว้ที่ 5 พันล้านบาท นี่คืออัตราสูง แต่ซูเปอร์บอร์ดอาจเก็บในอัตราต่ำกว่านี้ก็ได้ หรือค่าธรรมเนียมการเข้าไปเล่นครั้งละ 5,000 บาท ก็อาจลดลงไปถึงขั้นไม่เก็บเลยก็ได้ นี่คือความหลวมของกฎหมาย
“รายได้ที่รัฐบาลอาจจะหวัง เขาเขียนไว้ว่าให้สถานบันเทิงครบวงจร ให้กาสิโน สามารถให้วงเงินกับผู้เข้าเล่นได้ พูดง่ายๆ ให้กู้ ร่างแรกของรัฐบาล แก้ครั้งที่ 1 ใช้คำว่าให้สินเชื่อ แต่พอร่างใหม่ที่เข้า ครม. วันที่ 13 ม.ค. 2568 ใช้คำว่าให้สินเชื่ออาจจะดูโจ๋งครึ่มไปหรืออย่างไร ก็แก้จากการให้สินเชื่อเป็นให้วงเงินแทน อันนี้คือความใจดีของรัฐบาล อยากให้คนเล่นพนันเล่นได้ต่อเนื่องยาวๆ เงินหมดไม่เป็นไรมีให้กู้ กาสิโนให้กู้ได้” นายธนากร ระบุ
นายธนากร ยังกล่าวอีกว่า การที่อนุญาตให้กาสิโนปล่อยสินเชื่อกับนักพนัน เป็นการย้อนแย้งกับกฎหมายอื่นๆ ที่บอกว่าหนี้การพนันเป็นหนี้ที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถทวงถามได้ แต่ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ กลับเขียนว่าหนี้สินจากการปล่อยวงเงินให้คนเล่นเป็นหนี้ถูกกฎหมาย หรือแม้แต่เงินจากกาสิโนที่เชื่อว่าจะเข้ารัฐ ก็ไม่ได้กำหนดว่าสำนักงานกำกับดูแลสถานบันเทิงครบวงจร ที่อยู่ภายใต้ซูเปอร์บอร์ด ซึ่งจะเป็นหน่วยงานรับเงินจากกาสิโนตามร่างกฎหมายนี้ จะต้องส่งเงินเข้าคลังเท่าใด โดยเขียนว่าเงินที่เหลือจากค่าใช้จ่ายให้ส่งเข้าแผ่นดิน คำถามคือแล้วถ้าไม่เหลือจะเป็นอย่างไร ตนอาจมองในแง่ร้าย แต่แบบนี้คือการตั้งตู้ ATM ให้ฝ่ายการเมืองหรือไม่
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี