หนุ่มไร้สัญชาติเมืองอุบลฯต้องทำงานต่ำกว่าวุฒิ-รายได้แค่ค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งๆ ที่จบ ปวส. เหตุความล่าช้าของทางการพิจารณาสถานะทางทะเบียนล่าช้ากว่า 20 ปี - กสม.ลงพื้นที่จัดคลินิกฏหมายแก้ปัญหา
ระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมอารียา อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จัดกิจกรรมโครงการคลินิกสิทธิมนุษยชน เพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิและสถานะบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย มีผู้แทน กสม.คือ น.ส.วันรุ่ง แสนแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานรับเรื่องร้องเรียนและประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมโดยประชาชนประมาณ 130 คน จาก อ.โพธิ์ไทร อ.โขงเจียม อ.บุณฑริก อ.สิรินธร อ.ตระการพืชผล และ อ.เขมราฐ ซึ่งทั้งหมดเป็นบุคคลที่ประสบปัญหาสถานะบุคคล
ทั้งนี้ ในการประชุมได้มีการวางแผนออกแบบเพื่อวางแนวทางแผนงานการดำเนินงาน กรณีสิทธิสถานะบุคคล กลุ่มคนลาวอพยพ ในการดำเนินการครั้งนี้มุ่งขจัดความเป็นบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ เพื่อให้คนทุกคนเข้าถึงการยอมรับว่ามีตัวตน โดยประสานความร่วมมือหรือแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และภาคประชาสังคม ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ
น.ส.ศิรริวรรณ อาสาศรี ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อสุขภาพเพื่อการแบ่งปัน ได้นำเสนอการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่องมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาบัตร โดยมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการแบ่งปัน ได้โควต้าการตรวจพิสูจน์สัญชาติจากสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เขมราฐ จำนวน 40ราย อ.นาตาล จำนวน 66 ราย อำเภออื่นๆ (โขงเจียม สิรินธร ตาลสุม เดชอุดม วารินชำราบ พิบูลมังสาหาร) 60 ราย รวม 167 ราย โดยอำเภอเขมราฐได้ถ่ายบัตรประจำตัวกลุ่มเลข 0-00 เมื่อเดือน มิถุนายน 2565 จำนวน 263 คน และในวันที่ 22 มกราคม 2568 จำนวน 87 คน มีเด็กนักเรียนรหัสขึ้นต้นด้วยอักษร G ได้เลขประจำตัว 13 หลัก ที่ อ.เขมราฐ จำนวน 20 คน อ.นาตาล จำนวน 18 คน เด็กถูกคัดกรองที่มีพ่อหรือแม่เป็นคนไทย ได้เข้าสู่กระบวนการตรวจดีเอ็นเอ จำนวน 14 คน
นายสุมิตร วอพะวอ ผู้จัดการโครงการพัฒนาสถานพบุคคลมูลนิธิพัฒนาเผ่าไร้พรมแดน กล่าวถึงความคืบหน้าของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าสถานการณ์จำนวนปัญหา ผู้คนมากกว่าที่ภาคอีสาน โดยที่เชียงใหม่ ตลอดระยะเวลาที่แก้ไขปัญหาสถานะ ก็จะเห็นว่ามีการขยับแก้ไขไปเรื่อยๆ แต่ละด้านเนื่องจากชนกลุ่มน้อยแบ่งเป็น 19 กลุ่มตามมติ ครม.ที่เชียงใหม่ขึ้นทะเบียน 40,000 คน แก้ไขปัญหาสถานะไปแล้ว 27,000 ราย
ในที่ประชุมมีการเสนอข้อมูลว่าในปัจจุบัน พบว่า กลุ่มปัญหาด้านสิทธิสถานะ ยังคงมีตกหล่นในกรณี ต่างๆ อาทิ กลุ่มผู้ตกหล่น 7 ทวิ คนที่เกิด 26 กุมภาพันธ์ 2525 จนมาถึงปัจจุบัน กลุ่มสูงวัยที่ยังไร้สัญชาติ (ผู้เฒ่าไร้สัญชาติ) ถือบัตรกลุ่ม 089 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามามีถิ่นฐานในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2518 - 2535 และมีภูมิลำเนาในไทยต่อเนื่องถึงปัจจุบัน กลุ่มที่ตกหล่น ประมาณ 10 รายที่แจ้งขอรับการสำรวจ ภายใต้เครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ
คำปิ่น อักษร ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ผู้มีปัญหาสถานะบุคคลกลุ่ม 089 กรณีการขอแจ้งขึ้นทะเบียนขอใบถิ่นที่อยู่อาศัยถาวร ซึ่งมีประกาศออกมาเมื่อปี 26 กุมภาพันธ์ 2566 แต่พบว่าบางอำเภอกลับไม่ยอมรับเรื่องคำร้อง ไม่ดำเนินการให้ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มมาตรา 23 ที่ยังตกค้าง ในสมาชิกในกลุ่มที่แจ้งเจตจำนงสำรวจ 7 ราย อ.โพธิ์ไทร ได้บัตรไปแล้ว
"ที่ยังติดปัญหาที่พบคือ กลุ่มตกหล่น 089 และกลุ่ม มาตรา 7 ทวิ ที่ยังมีการดำเนินการล่าช้า พบว่าที่ยังไม่คืบหน้ามากที่สุดจากผู้มาเข้าร่วมประชุม ได้แก่ อ.บุณฑริก ซึ่งเป็นปัญหาระดับการปฏิบัติงานในพื้นที่ นอกจากนี้ ปัญหาการย้ายบ่อยของราชการที่เกี่ยวข้องงานทะเบียน กรณีการโยกย้ายบ่อย"
คำปิ่น กล่าวว่า กรณี นายจีระศักดิ์ จันทร์บัว อายุ 33 ปี เป็นเยาวชนรุ่นแรกๆ ที่เดินทางไปยังกระทรวงมหาดไทย ในตอนนั้นเขามีอายุ 13 ปี ปัจจุบันจบ ปวส.แต่ไม่สามารถใช้วุฒิทำงานได้ เนื่องจากไร้สถานะทางทะเบียน ซึ่งทางบริษัทที่ติดต่อมาไม่กล้ารับเข้าทำงาน นายจีระศักดิ์จึงต้องทำงานรับจ้างที่ได้ค่าแรงต่อวัน หรือหากมีงานรับจ้างก็จะรับไปทำ เขาหวังว่าจะได้รับสถานะคนไทยและได้รับโอกาสเข้าไปทำงานในสายงานที่เลือกเรียนมา ไม่ต้องไปคอยทำงานรับจ้างรายวัน" ผู้ประสานงานกล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี