ลุงวัย 64 ปี ชาวตำบลดงมูล อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ ผวาแก๊งมิจฉาชีพอาละวาดในพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี ขับรถประกบเฉี่ยวชนรีดทรัพย์ วอนตำรวจเร่งจับกุม

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบัวเรียน ชาวบ้านหนองแข้ ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ได้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่ก่อเหตุขับรถประกบและเฉี่ยวชนท้าย เพื่อรีดทรัพย์ ที่ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2009 ช่วงบ้านหนองหอไตร ต.ลำหนองแสน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก

นายบัวเรียน ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 7 ก.พ. 68 ขณะตนกำลังขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ กลับจากการพาภรรยาไปตรวจรักษาที่ รพ.หนองกุงศรี ระหว่างทางได้มีรถยนต์เก๋งไม่ทราบยี่ห้อ และรถยนต์กระบะ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับประกบมาทั้งด้านข้างและด้านท้ายรถ ซึ่งเห็นว่าเขาขับรถประกบมาสักระยะแล้ว แต่ก็พยายามขับรถตามปกติ จนกระทั่งถึงช่วงบ้านหนองหอไตร รถเก๋งก็เร่งเครื่องมาเฉี่ยวท้ายรถผม ผมก็เลยต้องจอดรถ

จากนั้น มีชายฉกรรจ์ 1 คน ลงจากรถยนต์เก๋งสีดำเข้ามาเจรจา อ้างว่ารถได้รับความเสียหายและเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 10,000 บาท ที่น่าสงสัยคือคนร้ายไม่ยอมให้ตนไปกดเงินที่ธนาคาร แต่บังคับให้มอบเงินสดที่มีติดตัวทั้งหมด ซึ่งตอนนั้นมีเงินติดตัวอยู่ 1,600 บาท จึงถูกกลุ่มคนร้ายยึดไป และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ได้พบนายช่างอู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่ง ได้เล่าว่า เมื่อวันเกิดเหตุได้ยินเสียงรถยนต์บีบแตรไล่กันมา คิดว่าน่าจะเกิดเหตุไล่ติดตามกัน ขณะที่พนักงานโรงงานน้ำแข็งแห่งหนึ่งให้ข้อมูลว่าบริเวณจุดหน้าโรงน้ำแข็งมีรถยนต์กระบะและรถยนต์เก๋ง ลงมาเจรจากันข้างทางประมาณ 5 นาที นึกว่ารู้จักกัน ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายขับรถออกไป

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกุงศรี โดยจะมีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพยานในพื้นที่เพิ่มเติม รวมถึงตรวจสอบประวัติการก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์หรือมีเบาะแสเกี่ยวกับคนร้าย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สภ.หนองกุงศรี หรือสายด่วน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเก็บข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ

- 026