แนะเทศกิจยึดหลักเกณฑ์พื้นที่ทำการค้าปี 67 ตรวจประเมินพื้นที่-ผู้ค้าตามเงื่อนไข ถ้าผ่านเกณฑ์ได้อยู่ต่อ หากไม่ตรงเกณฑ์ต้องยกเลิก
วันที่ 10 ก.พ.68 นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจสำนักงานเขต ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร นายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ พร้อมคณะผู้บริหารสำนักเทศกิจ สำนักสิ่งแวดล้อม หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ 50 สำนักงานเขต และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องกรุงธน 3 ชั้น 5 อาคาร 2 สำนักเทศกิจ เขตธนบุรี
นายจักกพันธุ์ ย้ำเจ้าหน้าที่เทศกิจทุกสำนักงานเขต ว่า “ฝากให้เจ้าหน้าที่เทศกิจทุกสำนักงานเขต ติดตามการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขายหรือจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือสถานสาธารณะ พ.ศ. 2567 เตรียมพร้อมรับการตรวจประเมินพื้นที่ทำการค้าและผู้ค้าในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม 2568 เพื่อพิจารณากำหนดให้เป็นจุดผ่อนผันหรือยกเลิกจุดทำการค้าต่อไป”
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รายงานผลการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งในปี 2568 มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 86 จุด ผู้ค้า 4,297 ราย พื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 735 จุด ผู้ค้า 16,550 ราย ปัจจุบันในปี 2568 มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 61 จุด ผู้ค้า 3,723 ราย ยกเลิก 25 จุด ผู้ค้า 574 ราย พื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 323 จุด ผู้ค้า 9,996 ราย ยกเลิก 412 จุด ผู้ค้า 6,554 ราย จัดหาพื้นที่รองรับผู้ค้าในจุดที่ยกเลิก โดยให้เข้าไปทำการค้าในจุดที่กำหนดไว้ ผู้ค้าต้องหยุดทำการค้าทุกวันจันทร์ และร่วมกันล้างทำความสะอาดพื้นที่ทำการค้า กวดขันไม่ให้ผู้ค้ากลับเข้ามาทำการค้าอีก ทั้งนี้ สำนักงานเขตได้มีการประชุมสร้างความเข้าใจกับผู้ค้า ร่วมกันจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขายหรือจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือสถานสาธารณะ พ.ศ. 2567 โดยแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จากนั้นคณะกรรมการตรวจประเมินพื้นที่และผู้ค้า 3 ระดับ ได้แก่ ระดับสำนักงานเขต โดยมีผู้อำนวยการเขต ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ ฝ่ายเทศกิจ ตัวแทนผู้ค้า เจ้าของอาคาร ระดับสำนักเทศกิจ และระดับผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร ทำการตรวจประเมินเดือนละ 1 ครั้ง เริ่มเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม 2568 จุดทำการค้าใดผ่านการประเมินตามแนวทางที่กำหนด เช่น การรับฟังความคิดเห็น การกลั่นกรองของคณะกรรมการระดับเขตและระดับกรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานจราจร จะพิจารณาให้เสนอเป็นจุดผ่อนผันหรือพื้นที่ทำการค้าต่อไป ส่วนจุดทำการค้าใดที่ไม่ผ่านการประเมินจะต้องบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยให้สำนักงานเขตจัดทำแผนการดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการดำเนินคดี กรณีฝ่าฝืนประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร เรื่อง ห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ตามมาตรการเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone: LEZ) มาใช้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมกันลดมลพิษทางอากาศ ลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ออกประกาศพื้นที่เขตมลพิษต่ำห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป ยกเว้น EV, NGV, EURO 5-6 และรถที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ดำเนินการตรวจสอบองค์ประกอบใบหลักฐาน ผ่านระบบตรวจสอบข้อมูลรถที่ฝ่าฝืนประกาศฯ และจัดพิมพ์เอกสาร ทั้งนี้ สำนักเทศกิจ จะพิจารณาหาแนวทาง เพื่อให้การบริหารจัดการรถที่ฝ่าฝืนประกาศฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามข้อบังคับและกฎหมายที่กำหนด รวมถึงติดตามการดำเนินงานตรวจจับผู้กระทำผิดฝ่าฝืนขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ผ่านระบบ BMA AI CAMERA ตลอดจนการตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและปัญหาการลักลอบทิ้งขยะ
036
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี