แฉนายทุนสุดเหิม!!! บุกรุกภูเขาพื้นที่ทรงสงวนกองทัพเรือ กว่า 50 ไร่ ประสาน จนท. เกี่ยวข้องตรวจสอบเอาผิดแจ้งความดำเนินคดี
จากกรณี เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 นาวาเอก อธิคม เลาหะกุล ผู้อำนวยการกองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อม จนท.ฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ เจ้าหน้าที่กองช่าง และงานเทศกิจเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว อบต.พลูตาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขา หมู่ที่ 11 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อบต.พลูตาหลวง และเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว หลังมีประชาชนร้องเรียนว่า มีการนำรถแบ็คโฮ รถสิบล้อ ขุดขนดิน ถมดินในพื้นที่ทรงสงวนกองทัพเรือ จึงได้สนธิกำลังลงตรวจสอบ
จากการตรวจสอบ พบพื้นที่ดังกล่าว อยู่กลางหุบเขาช่องลม มีเสาไฟฟ้าปักไปตามถนนลูกรังจากปากทางลึกเข้าไป ประมาณ 2 กม. ภายในพื้นที่พบร่องรอยการขุดปรับผิวหน้าดินเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ บริเวณชายเขามีร่องรอยการใช้รถแบ็คโฮขุดตัก ไม่พบใครแสดงตนเป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าว ส่วนรถแบ็คโฮ รถสิบล้อได้เคลื่อนย้ายออกไปก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะมาถึงเพียง 10 นาทีเท่านั้น ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ 10 ก.พ.68 ที่ห้องประชุม กองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นาวาเอก อธิคม เลาหะกุล ผู้อำนวยการกองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนจาก อำเภอสัตหีบ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว และ อบต.พลูตาหลวง บูรณาการร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว และจากการตรวจสอบของ จนท.กองอสังหาริมทรัพย์ เก็บพิกัดทั้งหมดตามโฉนดเอกสารสิทธิ์ที่ดิน จำนวน 3 แปลง ประมาณ 47 ไร่ แต่พบว่ามีการใช้ประโยชน์นอกเอกสารสิทธิ์ที่ดินรวมถึงการบุกรุกเขาและพื้นที่ทรงสงวนอีกกว่า 50 ไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ส่งรูปถ่าย วีดีโอ ขณะเครื่องจักรกำลังทำงานในพื้นที่เป็นวงกว้าง ซึ่งจะได้มีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ร่วมกับทางเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว และ อบต.พลูตาหลวง ที่ สภ.สัตหีบ และ สภ.พลูตาหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับในพื้นที่ดังกล่าว มีการบุกรุกพื้นที่เขาและปริมณฑลเขาลึกเข้าไป ประมาณ 40 เมตร รุกพื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเครื่องจักร ปรับแต่งพื้นที่และขนย้ายดินออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตพบบ่อเลี้ยงจระเข้ที่มีจระเข้อยู่เป็นจำนวนมาก มีการขออนุญาตปลูกสร้างในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์และที่ดินที่มีการครอบครองหรือไม่ พร้อมประสาน กรมประมงเข้าตรวจสอบใบอนุญาตในการเลี้ยงสัตว์อันตราย (จระเข้) ว่ามีหรือไม่และจะต้องตรวจสอบถนนทางสาธารณประโยชน์ที่ถูกตัดผ่านพื้นที่เขาและปริมณฑลเขากว่า 40 เมตร รวมถึงพื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยการแจ้งการครอบครองที่ดินที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ เป็นข้อห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน และการขออนุญาตจับจองทำประโยชน์ในที่ดินในในเขตทรงสงวน และจะได้มีการตรวจสอบการได้มาของที่ดินที่อ้างกรรมสิทธิ์ด้วยว่า ได้รับการอนุญาตจากกองทัพเรือ ถูกต้องหรือไม่อย่างไร
นาวาเอก อธิคม เลาหะกุล ผู้อำนวยการกองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจากประชาชนในการบุกรุกขุดดินในพื้นที่ลาดชันและพื้นที่ภูเขา ทางหน่วยงานราชการได้บูรณาการเข้าตรวจสอบ โดยมีฐานทัพเรือสัตหีบ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว อบต.พลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ ที่ดินอำเภอสัตหีบ เข้าไปตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว เบื้องต้น ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด การทำแผนที่พบว่ามีการบุกรุกเข้าไปขุดดินในพื้นที่ที่เป็นภูเขาทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก ถือว่าเป็นการบุกรุกถือครองในที่ดินที่ตัวเองไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ทรงสงวนและพื้นที่ภูเขา โดยจะร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าแจ้งความดำเนินการตามหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับ ในการเลี้ยงสัตว์ดุร้าย สัตว์อันตราย เช่นจระเข้ จะได้มีการประสานกรมประมงลงตรวจสอบ ส่วนในเรื่องของการมีใบอนุญาตรวมไปถึงการปลูกสร้างอาคาร ขุดดินถมดินต่างๆ ทางท้องถิ่นจะได้ตรวจสอบ หากไม่มีการขออนุญาตก็จะดำเนินตามระเบียบข้อกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบในเบื้องต้น มีผู้ถือครองที่ดินตามเอกสารสิทธิ์ ประมาณ 47 ไร่ แต่ได้มีการทำประโยชน์ในที่ดินเกือบ 100 ไร่ ร่วมทั้งที่ลาดชันและที่ภูเขา ซึ่งจะได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งหมดอย่างละเอียด ร่วมกับทางที่ดินสัตหีบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี