ไฟป่าศรีสวัสดิ์ลาม
ระดมจนท.เร่งดับ
กทม.ยังหายใจโล่ง
คาด2วันฝุ่นพุ่งอีก
ไฟป่า อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรียังทวีความรุนแรง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งดับไฟทั้งภาคพื้นดินและอากาศ ส่วน กทม.ค่าฝุ่น PM2.5 ไม่เกินมาตรฐาน คาดกลับมาสูงอีกช่วง 11-12 ก.พ.นี้
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานหลายแห่ง อาทิ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ซึ่งสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหิน สูงชัน มีความสลับซับซ้อน สูงประมาณ 700-900 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สันเขาเป็นป่าเต็งรัง ผสมป่าสนสองใบ ฤดูแล้งจะมีการผลิใบ จนมีใบไม้ร่วงหล่นสะสมจำนวนมาก ซึ่งล้วนติดไฟง่าย จนเกิดสถานการณ์ไฟป่า ว่าสถานการณ์ไฟป่าในขณะนี้ยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งดับไฟและเข้าควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดการลุกลาม ทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดาวเทียมซูโอมิเอ็นพีพี (Suomi NPP) ระบบ วีอาร์เอส (VIIRS) ตรวจพบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ อ.ศรีสวัสดิ์ 7 จุด จากสภาพป่าและการสะสมของใบไม้ที่สะสม ทำให้เกิดสถานการณ์ไฟป่าอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผวจ.กาญจนบุรี นายชำนาญ แดงจุด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประสานไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ส่งนักบินนำเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย รุ่น KA-32 และประสานเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าปฏิบัติภารกิจบินลำเลียงทิ้งน้ำเพื่อสกัดเปลวไฟและกลุ่มควัน ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้านนายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3(บ้านโป่ง) หัวหน้าศูนย์บัญชาการประจำกลุ่มป่ารอบเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี นายประวัฒน์ พวงทอง ผอ.ส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า ได้ติดตามและสั่งการอย่างใกล้ชิด
จากรายงานผลการปฏิบัติงานทางอากาศยาน เริ่มเวลา 11.00 น.เฮลิคอปเตอร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ทำการบินทิ้งน้ำดับไฟป่าที่เกิดขึ้นพื้นที่ป่ากลุ่มที่ 1 (ป่าดงเล็ก) 10 เที่ยวบิน ส่วนเวลา 14.00 น.ทำการบินทิ้งน้ำดับไฟป่า พื้นที่ป่ากลุ่มที่ 1 เพิ่มเติมอีก 15 เที่ยวบิน รวมทั้งสิ้น 25 เที่ยวบิน ปริมาตรน้ำ 12,500 ลิตร สามารถลดการลุกลามขยายพื้นที่ไฟป่าในจุดที่อยู่ยอดเขาได้ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ขณะเดียวกัน ในเวลา 14.00 น.เฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย รุ่น KA-32 บินทิ้งน้ำดับไฟป่า พื้นที่กลุ่มที่ 3 (เขาโกเต็ง) 10 เที่ยวบิน ปริมาตรน้ำ 30,000 ลิตร สามารถลดการลุกลามขยายพื้นที่ไฟป่าในจุดที่อยู่ยอดเขาได้ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้เช่นเดียวกัน
ขณะที่ผลการปฏิบัติงานภาคพื้นดิน 7 จุด ดังนี้ 1.กลุ่มที่ 1 บริเวณป่าบ้านปากนาสวน หมู่ 2 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ สามารถดับไฟป่าได้บางส่วน 2.บริเวณป่าห้วยจองคร่อง บ้านปากเหมือง หมู่ 7 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมกลุ่มไฟไม่ให้ลุกลามเพิ่มเติม และจัดทำแนวกันไฟโดยรอบพื้นที่ 3.ป่าองจุ หมู่ 1 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ สามารถควบคุมไฟและดับไฟได้ทั้งหมด 4.ป่าเขาโกเต็ง หมู่ 1 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ปฏิบัติงานต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ผลการปฏิบัติ กลุ่มไฟได้ชนแนวกันไฟที่เจ้าหน้าที่ทำสกัดไว้ บางส่วนไฟได้ไหลลงไปบริเวณชายน้ำ และเจ้าหน้าที่ยังคงทำแนวสกัดไฟทางด้านบนเพื่อไม่ให้ไฟลุกลามเป็นวงกว้างและเฝ้าระวังแนวไฟต่อไป
5.ป่าน้ำพุ หมู่ 2 ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ดับไฟได้แล้วบางส่วน และมีบางส่วนไหม้ขึ้นไปบนพื้นที่ยอดเขาสูงชัน เจ้าหน้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปดับได้ จึงจัดทำแนวกันไฟเพื่อสกัดไม่ให้กลุ่มไฟลุกลามเป็นวงกว้าง 6.เจ้าหน้าที่จุดเฝ้าระวังแม่ปลาสร้อย เห็นกลุ่มควันไฟบริเวณป่าแม่ปลาสร้อย 1 จุด จึงจัดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟจนสามารถควบคุมไฟไว้ได้ และ 7.บริเวณ 4 โซน ป่าวังน้ำเขียว เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมไฟป่าบริเวณพิกัด 47P 0521383E 1601184N อย่างต่อเนื่อง พบไฟป่าเกิดขึ้นที่ป่าเขาตรอกผู้ใหญ่ชัย พิกัด 47P 0519177E 1595 505N สามารถควบคุมไฟไว้ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องลมเป่าไฟ ต้องสูดดมฝุ่นละอองและเขม่าไฟทุกวัน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่ทุกนาย รวมถึงชาวบ้านที่ร่วมกันดับไฟป่า โดยเฉพาะเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ เพราะการเข้าไปปฏิบัติภารกิจ พบว่าเจ้าหน้าที่ยังขาดอุปกรณ์ป้องกันอย่างหน้ากากอนามัย ด้วยความเป็นห่วงทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงอยากให้ทางการจัดสรรบประมาณที่มีอยู่ จัดซื้อหน้ากากอนามัยคุณภาพสูง มอบให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้ป้องกันตัวเองจากโรคภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
วันเดียวกัน ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ค่าเฉลี่ยของ กทม.24 ไมโครกรัม (มคก.)/ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี สำหรับ 12 อันดับของค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดใน กทม.ได้แก่ 1.เขตลาดกระบัง 34.4 มคก./ลบ.ม. 2.เขตหนองจอก 32.5 มคก./ลบ.ม. 3.เขตคลองสามวา 31.1 มคก./ลบ.ม. 4.เขตบางกอกน้อย 31 มคก./ลบ.ม. 5.เขตภาษีเจริญ 30.6 มคก./ลบ.ม. 6.เขตพระโขนง 29.8 มคก./ลบ.ม. 7.เขตมีนบุรี 29 มคก./ลบ.ม. 8.เขตสายไหม 28.4 มคก./ลบ.ม. 9.เขตบางนา 28.4 มคก./ลบ.ม. 10.เขตพญาไท 27.4 มคก./ลบ.ม. 11.เขตวังทองหลาง 27.4 มคก./ลบ.ม.และ 12.เขตลาดพร้าว 27.2 มคก./ลบ.ม.
ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์นี้ การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ “ไม่ดี” ประกอบกับมีอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และวันที่ 13-17 กุมภาพันธ์นี้ มีแนวโน้มลดลง และคาดการณ์ว่าอากาศเย็นในตอนเช้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี