DSIรับลูกอัยการสอบเพิ่ม-จ่อหมายจับ
ล่าตัว‘หม่องชิตตู’
ค้ามนุษย์-โยงแก๊งคอลฯ
เด้งด่วน2นายตำรวจไทย
เอี่ยว‘เมียวดีคอมเพล็กซ์’
‘บิ๊กอ้วน’โวแผนตัดไฟได้ผล
นายกฯสั่งดีอีประเมินผลตัดไฟ2 สัปดาห์ ขอให้แยกจีนเทากับฟรีวีซ่าคนละส่วน สั่งกลางครม.ต้องจัดการเด็ดขาด ย้ำมาถูกทางแล้วต้องดูแลคนไทย-ปท.ไทย ด้าน “ภูมิธรรม”เผยลงนามคำสั่งเรียกกลุ่มเอี่ยว“คอลเซ็นเตอร์”พ้นพื้นที่ชายแดน-ห้ามเข้าเมียนมา แย้มรู้ตัวคนโยงขบวนการ 300-400 เครือข่าย ย้ำมาตรการเข้มของไทยได้ผลทำเมียนมาระส่ำขณะที่ผบ.ตร.สั่งเด้ง “นายพลต๊ะ -เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ” เซ่นธุรกิจเมียวดีขาดจากตำแหน่งเดิม ตามด้วยเด้ง “ผู้การตาก”อีกรายบกพร่องหน้าที่ มิจฉาชีพใช้ไทยเป็นช่องทางข้ามแดนด้านดีเอสไอหอบหลักฐานถกอัยการคดีค้ามนุษย์ จ่อขอออกหมายจับ “หม่องชิตตู”กับพวกรวม 3 ราย เผยได้รับคำแนะนำที่ดีให้สอบสวนเพิ่ม ก่อนขอออกหมายจับ ปัดเผยรายละเอียด รออธิบดีดีเอสไอแถลง
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงกรณีการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในจุดต้องสงสัยเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซนเตอร์ว่า ได้จัดประชุมร่วมกันระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตำรวจ เครือข่ายมือถือทุกค่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
ดีอียันตัดเน็ตไปเพื่อนบ้านทุกจุด
1.กรณีสัญญาณที่ไม่มีสายได้ทำการลดระดับเสาลง ซึ่งการส่งสัญญาณต้องหันหน้าเข้ามาในประเทศเท่านั้น ไม่สามารถหันไปทางประเทศเพื่อนบ้านได้ 2.การตัดสายสัญญาณที่ลากไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และ3.หากพบสายสัญญาณลากไปยังตึกต้องสงสัยจะตัดทันที พร้อมยืนยันด้วยว่า พื้นที่ที่มีการตัดไฟไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้ไม่มีการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยไปแล้ว ซึ่งผู้ประกอบการทุกเครือข่ายให้ความร่วมมือดี โดยในส่วนของสายอินเทอร์เน็ตหากไม่มีการยืนยันว่าเป็นของใครเราตัดทิ้งทั้งหมดทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบทุกสัปดาห์ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน
จับตาสตาร์ลิงก์ถูกใช้ทำผิดกม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมีการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือดาวเทียมวงโคจรต่ำหรือสตาร์ลิงก์ (Star link) หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า มีการลักลอบซื้อขายซึ่งในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมาย เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจากกสทช. จึงคิดว่าจะขอความร่วมมือประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งไทยเป็นประธานปราบปรามแก๊งอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์
“อดีตที่ผ่านมาเขาซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน และเอาเข้ามาในประเทศไทย แต่เราได้ตรวจจับยึดมาแล้วหลายครั้งไม่น้อยกว่า 200 จาน ขณะนี้ทราบว่ามีการไปตั้งระบบที่ต่างประเทศ และรับสัญญาณโดยตรง เป็นเรื่องที่เราอยากควบคุมเรื่องสัญญาณสตาร์ลิงก์ จึงจะขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน เพราะถือว่าเป็นสัญญาณที่นำมาใช้ในการทำความผิด” นายประเสริฐ กล่าว `และว่า จากการเดินทางเยือนจีนได้คุยกับประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีของจีน เรื่องการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในอนาคต ซึ่งจีนได้ชื่นชมไทย เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาระดับภูมิภาคที่ต้องทำงานร่วมกัน
เซ็นย้ายคนมีเอี่ยวแก็งคอลฯพ้นพื้นที่
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวถึงกรณีระบุจะเรียกคนที่มีข้อกล่าวหามีส่วนพัวพันกับการทำผิดกฎหมายออกนอกพื้นที่ที่มีบทบาทและอำนาจทั้งหมดว่า เที่ยงวันเดียวกันนี้ (11 กุมภาพันธ์) จะออกคำสั่ง ส่วนจะมีจำนวนเท่าไร เกี่ยวข้องกับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดหรือไม่ ยังไม่สามารถสรุปได้ แต่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง และมีบทบาทในพื้นที่ แต่ยังไม่ได้สรุปว่าเขามีความผิดอะไร แต่ให้ออกมาก่อน เพื่อที่จะทำงานได้สะดวก ส่วนจะเป็นพลเรือนหรือมีส่วนอื่นขอให้รอดูคำสั่ง โดยห้ามข้ามไปฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา
ตัดไฟได้ผลเมียนมาขยับไล่จีนเทา
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการตัดไฟ ตัดน้ำมันและอินเตอร์เน็ต ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ได้ผลอย่างไรบ้าง นายภูมิธรรมกล่าวว่าจากรายงานของหน่วยเฉพาะกิจราชมนูและหน่วยงานอื่น รวมถึงหน่วยข่าวทางลับ ได้ผลดีพอสมควรอาจเกิดความปั่นป่วนบ้างบริเวณชายแดนพื้นที่เมียนมา เช่น การเดินขบวน ซึ่งไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา วันนี้เราต้องการกดดันให้ผู้มีอำนาจอยู่ในเมียนมารับทราบรับรู้ว่าสิ่งที่เกิดในพื้นที่ของเขาสร้างความกระเทือนถึงประเทศไทย และสะเทือนถึงโลกด้วย ถ้าเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหา เขาต้องกลับไปกดดันไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้พื้นที่เป็นแหล่งมั่วสุม
ทั้งนี้ หน่วยข่าวและกองกำลังที่ปฏิบัติการอยู่รายงานว่ากระแสไฟที่อยู่ในเมืองลดลงตามลำดับ และขณะนี้ในพื้นที่พญาตองซูได้ผลักดันขับไล่กลุ่มจีนเทาออกจากพื้นที่ภายใน 28 กุมภาพันธ์ นอกจากนั้นยังเข้มงวดกับมาตรการลักลอบนำเข้า ใครมีส่วนเกี่ยวข้อง ถือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับการกระทำผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำว่าทหารตำรวจและฝ่ายปกครองร่วมมือกันทำงานอย่างดี
แย้มมีชื่อแล้ว300-400เครือข่าย
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า วันที่ 12 กุมภาพันธ์จะลงพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยเท่าที่ทราบขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดขนาดลง ดูจากการใช้ไฟที่ไม่เสถียร และอินเตอร์เน็ตมีปัญหา แม้เขาจะใช้ดาวเทียมวงจรต่ำ ตรงนี้เป็นปัญหาที่เราต้องกดดันต่อไป โดยฝ่ายพื้นที่ประเมินว่าต้องลดระดับลง หรือเปลี่ยนจุดที่เป็นปัญหา ในพื้นที่ปอยเปตเรารู้ตัวคนที่เกี่ยวข้องแล้ว
“เราได้รับรายชื่อของกลุ่มต่างๆทั้งในและนอกประเทศ 300-400 เครือข่าย และดำเนินการตรวจสอบในทางลับอยู่ หากจะมาพูดหรือโวยวายอะไร ต้องบอกว่ามีหลักฐาน เพราะเราจัดการตามกระบวนการนิติธรรม ไม่ใช่มาพูดตรงนั้นตรงนี้ และแนะนำไปเรื่อย หากคิดว่าตัวเองมีหลักฐานให้เอามา ถ้ามีหลักฐานชัดเราไม่ปล่อยแน่นอน แต่การพูดลอยๆเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติไม่ได้ เพราะหากโดนฟ้องกลับ เจ้าหน้าที่จะตายหมด ถ้าคิดว่าอะไรมีปัญหาให้เอามา อย่าไปจินตนาการ หรือไปเขียนข้างนอก ให้เอามายื่นเราจะจัดการ ถ้ามายื่นแล้วเราไม่จัดการให้เอาหลักฐานนั้นไปแฉให้ทุกคนดู ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม แล้วเราไม่จัดการค่อยมาตำหนิ” นายภูมิธรรม กล่าว
เร่งสอบตำรวจเอี่ยวแก็งคอลฯ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่ามีตำรวจเชียงใหม่เข้าไปพัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ในกระบวนการหากใครมีข้อมูลเพิ่มให้ส่งเข้ามา และอยากให้มองภาพรวม ว่าถ้ามีความผิด ส่วนการถอนสัญชาติกับคนที่เกี่ยวข้องกับตึก 25 ชั้นในปอยเปตนั้น เจ้าหน้าที่ที่พยายามทำงานอยู่ และยกตัวอย่างว่า หากมีกรณีรถขนยาเสพติดขับเข้ามา แต่ไม่จับเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการสะกดรอยตาม เพื่อให้ไปถึงจุดพักยาและสาวถึงเครือข่าย เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ หากเจอแล้วจับทันทีก็ไม่ได้อะไร อาจได้แค่คนรับจ้าง เป็นการตัดวงจร เรื่องการปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีกำหนดจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจและตอบโจทย์ของเรา
สั่งดีอีประเมินผลตัดไฟ2สัปดาห์
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)กรณีการตัดไฟไปประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์ประเมินผลอย่างไรว่า เท่าที่ดูเรื่องไฟฟ้าลดไปได้ 40-50% แต่มาตรการออกมายังไม่ถึง 1 สัปดาห์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่าหากผ่านไป 2 สัปดาห์จะประเมินผลอย่างเป็นทางการออกมาได้ เพราะการตัดไฟฝั่งเพื่อนบ้านอาจเก็บตัวเลขยาก แต่ฝั่งของเราดูตัวเลขคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทยลดลงอย่างไรบ้าง ซึ่งกระทรวงดีอีจะทำตัวเลขออกมา ส่วนกรณีถ้าพบมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง เราดำเนินการแน่นอน คนผิดต้องได้รับโทษตามนั้น
ต้องแยกจีนเทากับฟรีวีซ่าคนละส่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนไทยและคนต่างชาติที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่บอกจะคุยเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ คืบหน้าอย่างไร น.ส.แพทองธารตอบว่า ในที่ประชุมครม.ได้พูดเรื่องกลุ่มที่จะทำงานร่วมกันของทั้งสองประเทศ ตอนแรกจีนจะมาทำให้อย่างจริงจัง แต่เราอยากให้เป็นกลุ่มทำงานร่วมกันที่ประสานกันได้ก่อน เพื่อแก้ปัญหาได้เร็ว การถูกหลอกจะมาแบ่งเรื่องสัญชาติคงยาก เราอยากให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดการกันอยู่โดยผ่านรมว.ต่างประเทศให้ดูเรื่องนี้
ส่วนที่มองกันว่ามาตรการฟรีวีซ่า เป็นช่องทางให้จีนเทาเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เราต้องมองเป็นคนละส่วนกัน การเปิดฟรีวีซ่าไม่สามารถจำกัดคนเข้าประเทศได้ แต่นี้คือการกระตุ้นการท่องเที่ยว หากจะบอกว่าไม่ได้แล้วต่อไปนี้ไม่ฟรีเพราะจีนเทาเข้ามามันคนละส่วนกัน สิ่งที่เกิดขึ้นตัวเลขปีก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวเข้ามา 27 ล้านคน ปีที่ผ่านมา 35 ล้านคน เกิดอะไรขึ้นบ้าง จีดีพีประเทศขยับหรือไม่ การท่องเที่ยวได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ถ้าเราจะแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ด้วยการยกเลิกฟรีวีซ่ามันคนละส่วนกัน การท่องเที่ยวเสียแน่นอน เพราะการท่องเที่ยวดีขึ้นมากๆเนื่องจากฟรีวีซ่า
นายกฯย้ำกลางครม.จัดการเด็ดขาด
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมครม.ว่า นายกฯมีข้อสั่งการในการประชุมดังนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลฯ หน่วยงานความมั่นคง เร่งปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติออนไลน์โดยประสานกับทางการจีนโดยเฉพาะการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวในที่ประชุมครม.วันนี้ ระบุก่อนเวลา 12.00 น. จะออกคำสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงของไทย ที่มีส่วนพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์
บิ๊กอ้วนเฉ่งกสทช.ตัดเน็ตเหลวบางจุด
นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงการตัดสัญญาณในระบบสื่อสารโทรคมนาคมต่างๆของ รักษาการเลขาธิการ กสทช.ที่ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจนักโดยเฉพาะฝั่งอำเภออรัญประเทศ สระแก้ว ตรงข้ามปอยเปตกสทช.ยังไม่ตอบสนองมากนัก ขณะเดียวกันในฝั่งตะวันตกตรงข้ามอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก ขอให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ส่วนด้านมนุษยธรรม รัฐบาลไทยเปิดรับผู้ป่วยจากเมียนมาให้เข้ามารักษาตัว ในโรงพยาบาลของไทยได้และยังอนุญาตให้รถยนต์ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเติมน้ำมันได้ โดยจะเพิ่มมาตรการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังให้สิ้นซาก ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
บัวแก้วยันเมียนมาหนุนไทยใช้ยาแรง
ด้านนายมาริษเสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศเผยความคืบหน้าหลังตัดไฟฟ้า5 จุดชายแดนไทย-เมียนมาว่า ผลตอบรับกลับมาก็ดีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ได้ ส่วนในพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และคิงส์โรมัน บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ประเทศลาว ต้องขอพิจารณาก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไรโดยไม่มีฐานข้อมูล เราได้พูดคุยกับทางการเมียนมาตลอดเวลา ส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอออกหมายจับพ.อ.หม่องชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องนี้ ให้ผู้มีหน้าที่ดำเนินการ แต่รัฐบาลพูดคุยกันอยู่ตลอด ทางการเมียนมาไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ แต่ทุกคนพยายามแก้ปัญหาร่วมกันซึ่งทุกหน่วยงานทุกองค์กรต่างก็รู้ว่าเป็นภาระและเป็นปัญหาสร้างผลเสียให้กับทุกฝ่ายซึ่งทุกคนร่วมมืออย่างดี ส่วนข้อกังวลเรื่องทางการเมียนมาไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ของชนกลุ่มน้อยได้นั้น ได้หารือวิธีแก้ปัญหาโดยใช้อาเซียนเข้าไปกดดันหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า สำหรับชนกลุ่มน้อยเราต้องใช้วิธีกดดันแบบนี้ เช่น ตัดไฟ เป็นวิธีที่ต้องทำและทุกฝ่ายก็ให้ความเห็นชอบด้วย
DSIถกอัยการขอหมายจับ“หม่องชิตตู”
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ว่า เวลา 14.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะนำพยานหลักฐานคดีค้ามนุษย์เข้าพบพนักงานอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ หารือข้อกฎหมายการออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลัง BGF หรือผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง กองกำลังสำคัญที่ปกครองเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาว่า รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์จะมีความเห็นอย่างไร เมื่อได้พิจารณาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากคดีนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร อัยการจะเป็นคนควบคุมการสอบสวน โดยพฤติการณ์ที่ดีเอสไอจะนำหารือกับรองอธิบดีอัยการฯนั้น เป็นกรณีที่กลุ่มผู้ต้องหานำชาวอินเดียไปทำการค้ามนุษย์ บังคับทำแก๊งคอลเซนเตอร์ที่บ่อนเฮงเชง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามอ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งไทยช่วยกลับมาได้ ทำให้เราต้องพิจารณาดำเนินคดีว่าขบวนการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
ค้ามนุษย์-ข่มขู่7อินเดียทำแก๊งคอลฯ
รายงานข่าวจากดีเอสไอเผยต่อว่า สำหรับผู้เสียหายของขบวนการดังกล่าวเป็นชาวอินเดีย 7 ราย โดยไทยถูกใช้เป็นทางผ่านคล้ายกรณีนักแสดงชายชาวจีนซิงซิงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่วนจะมีชาวไทยเกี่ยวข้องหรือไม่ ยืนยันว่ามีแน่นอนประมาณ 2 ราย โดยมีคนไทยอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งให้บริการจัดทำรีสอร์ททั้งในไทย แต่ในจ.เมียวดี มีสถานะเป็นกรรมการบริษัท และพนักงานบริษัททั้งนี้ ดีเอสไอเสนอขอออกหมายจับเบื้องต้น 3 รายคือ1.พันเอก ซอชิตตู่ (Colonel Saw Chit Thu) หรือพันเอก หม่องชิตตู 2.พันโท โมเต โธน (Lieutenant Colonel Mote Thone) และ 3.พันตรี ทิน วินTin Win (Major Tin Win) รวมถึงยังมีในส่วนของเจ้าของบ่อนเฮงเชงด้วย ส่วนเลขคดีพิเศษสำหรับสำนวนดังกล่าวนี้คือ คดีพิเศษที่ 304/2565
เปิดประวัติหม่องชิตตูสนิทเสอจื้อเจียง
สำหรับพันเอกหม่องชิตตูนั้น นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก“Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม”ให้ข้อมูลไว้ว่า พันเอกหม่องชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF/KNA กองกำลังสำคัญที่ปกครองเมืองเมียวดีขณะนี้ถูกแซงชั่นหรือคว่ำบาตรจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ สวิส ฝรั่งเศส หรืออียู เนื่องจากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่สำคัญเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของ เสอจื้อเจียง เจ้าของชเวก๊กโกซึ่งถูกจับในประเทศไทย ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองกำลัง BGF พยายามปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาตลอด แต่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ากองกำลัง BGF เป็นผู้ให้เช่าต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายทั่วโลกมหาศาล และการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นได้ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยอย่างรุนแรงถึงแม้กองกำลัง BGF จะออกมายืนยันว่าจะดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขยายตัวเพิ่มขึ้น
แนะDSIสอบเพิ่มก่อนออกหมายจับ
ต่อมาเวลา 16.00 น.ที่สำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.อ. สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอแถลงหลังหารือกับนายศักดา คล้ายร่มไทร อัยการพิเศษสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 กรณีดีเอสไอยื่นคำร้องขอออกหมายจับพ.อ.หม่องชิตตูพร้อมพวกรวม 3 รายว่า ได้รับข้อแนะนำไปในทิศทางที่ดี แต่รายละเอียดถือเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้ อธิบดีดีเอสไอจะแถลงรายละเอียดภายหลัง ทั้งนี้ เมื่อดีเอสไอ โดยกองคดีค้ามนุษย์ได้คำแนะนำจากพนักงานอัยการแล้ว จะนำไปดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย ทั้งสอบสวนเพิ่มตามที่พนักงานอัยการให้คำแนะนำ ก่อนนำมาสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับ อาจต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่อธิบดีดีเอสไอสั่งเร่งรัดให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว
“การออกหมายจับนั้น ไม่ว่าผู้ต้องหาเป็นใคร มีความเชื่อมโยงอย่างไร รวมทั้งมีคนไทยหรือชาวต่างชาติหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เรื่องออกหมายจับ ถ้าเป็นชาวต่างชาติต้องประสานตำรวจสากลหรือไม่ ขอให้เป็นกระบวนการหลังจากนี้ สำหรับคดีดังกล่าวถือเป็นคดีเก่าตั้งแต่ปี 2565 และเป็นคดีนอกราชอาณาจักรที่อัยการสูงสุดมอบหมายดีเอสไอสอบสวนมานานแล้ว ในส่วนรายละเอียดของคดีจะแถลงให้ทราบภายหลัง”ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าว
เด้ง“นายพลต๊ะ”เซ่นโยงธุรกิจเมียวดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผบ.ตร.มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 63 /2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)สืบเนื่องจากตร.ได้รับรายงานกรณีปรากฏข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีตำรวจยศ พลตำรวจตรีเชื่อมโยงกับธุรกิจเมียวดีคอมเพล็กซ์ รวมทั้งเป็นแหล่งฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมายขนาดใหญ่ชายแดนไทยและเมียนมา หลังมีการเปิดเผยชื่อคือ พลตำรวจตรี เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 5ตร.จึงมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังนั้น เพื่อให้การสอบข้อเท็จจริงมีประสิทธิภาพ จึงให้พลตำรวจตรีเอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 5 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 6 ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่ามีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
เด้งผู้การตากเซ่นมิจฉาชีพข้ามแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า วันเดียวกัน ผบ.ตร.คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 64 /2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน กรณีมีข่าวนักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวงมาที่ประเทศไทยแล้วหายตัวไปบริเวณชายแดนเมียนมา อีกทั้งมีการลักลอบข้ามชายแดนทางช่องทางธรรมชาติในเขตอ.แม่สอดและอ.แม่ระมาด จ.ตาก ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยจุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ของสภ.แม่สอด สภ.แม่ระมาดและสภ.พบพระ จ.ตาก ในความรับผิดชอบของพลตำรวจตรี สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก ซึ่งตำรวจภูธรภาค 6 มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการของ 3 สถานีตำรวจดังกล่าว ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมแล้ว
ต่อมาตร.มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พลตำรวจตรีสัมฤทธิ์ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์และหลักฐานเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำผิดวินัยหรือไม่ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพจึงสั่งการให้พลตำรวจตรี สัมฤทธิ์ ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี