รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น...เริ่มที่ภาพใหญ่ ทางการเมือง เรื่องการตัดไฟ ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทำสัญญาขายไฟ ให้กับเมืองชายแดนหลายเมืองในประเทศเมียนมา ที่เป็นแหล่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติที่เป็นชาวจีนที่สร้างความเสียหาย และความสูญเสียให้กับคนต่างชาติไม่เฉพาะคนไทยที่ถูกหลอก เข้าไปสู่ขบวนการ และมีคนที่ถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นคนไทยถึง 700,000 กว่าคดี เป็นเงินจำนวนมหาศาล......ซึ่งกว่าที่จะมีการตัดไฟฟ้า ที่ส่งไปขายให้เอกชน ในฝั่งประเทศเมียนมาได้ ก็ทำเอารัฐบาลทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานความมั่นคง ต้องเสียรังวัดกันระนาว เพราะมีการโยนลูกกันไปมา ว่าใครที่จะมีหน้าที่ มีอำนาจในการสั่งตัดไฟฟ้า ที่ส่งขายให้กับเอกชนในประเทศเมียนมา จนสุดท้ายต้องเป็นการตัดสินใจของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือสมช. .....แต่ที่เสียหายที่สุด ในความล่าช้า ของการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือเรื่องที่หน่วยงานความมั่นคงสาธารณะของสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามามีส่วนร่วม หรือส่วนบังคับ ให้รัฐบาลไทยต้องจัดการ กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่รอบทิศทางของประเทศเพื่อนบ้าน ในแนวชายแดน ทั้งฝั่งเมียนมา, สปป.ลาว และกัมพูชา ถึงหากรัฐบาลจีน ไม่เข้ามาร่วมมือ หรือบีบบังคับ การตัดไฟฟ้า อาจจะยังไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ และที่เสียหาย คือการที่รัฐมนตรีของรัฐบาลจีนบ่นเสียงดังๆ ให้เข้าหูของคนไทยทั้งประเทศ คือ ทำไมเจ้าหน้าที่ไทยจึงเพิกเฉยกับปัญหาของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขายขี้หน้าไปทั่วโลก จากความไม่เอาไหนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐบาล โดยข้อเท็จจริง ไม่ใช่หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือจีนเทา ไม่มีข้อมูลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือแก๊งจีนเทาที่เป็นอาชญากรข้ามชาติที่ต้องรอข้อมูลจากรัฐบาลจีน เพราะข้อมูลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือจีนเทา หน่วยงานของรัฐบาลไทยมาอยู่ในมือ จากการให้ข้อมูล จากหน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกา รวมทั้งสหรัฐอเมริกามีการเสริมเขี้ยวเล็บในด้านเครื่องมือเครื่องใช้ ให้กับหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่หน่วยงานเหล่านั้น ทำงานแบบเลี้ยงไข้ เป็นการเลี้ยงเป็ดไว้กินไข่ เพราะไข่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นไข่ทองคำฝังโคตรเพชร ที่ทุกหน่วยงานต่างนิยมชมชอบ นั้นต่างหาก ที่ทำให้การจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของหน่วยงานของรัฐบาลไทย ทำแล้วไม่สำเร็จ....... แต่คนไทยก็อย่าหลงดีใจ ว่าการตัดไฟฟ้า การที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไม่ขายไฟฟ้าให้กับเมืองต่างๆ ที่เป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านแล้ว จะทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดไป และการหลอกลวงคนไทยจะยุติ เพราะยังมีไฟฟ้าจากสปป.ลาว ที่พร้อมจะขายให้กับเมืองชายแดนเหล่านี้ หรือการไม่ส่งน้ำมันให้กับเมืองชายแดนที่เป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ทำได้ไม่นาน เพราะเป็นการค้าเอกชนของทั้งสองฝั่ง และการทำให้เมืองเหล่านี้มีการขาดแคลนน้ำมัน ก็สร้างผลกระทบให้กับประชาชน ที่ไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ......การตัดไฟฟ้า การไม่ส่งน้ำมันเป็นมาตรการส่วนหนึ่งของรัฐบาลไทย ในการจะให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้รับผลกระทบ แต่หน่วยงานที่สำคัญ อย่าง กสทช. เป็นอีกหน่วยงานสำคัญ ที่ต้องดำเนินการในการควบคุมการส่งสัญญาณโทรศัพท์ ไปให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในฝั่งของเมืองชายแดนของเพื่อนบ้าน สังเกตได้ตั้งแต่ต้นจนจบ จะพบว่า กสทช.ขาดความกระตือรือร้น ในเรื่องการควบคุมสัญญาณโทรศัพท์ การควบคุมซิมโทรศัพท์ ซึ่งเป็นของเอกชน เพียง 2-3 บริษัท มีซิมเป็นล้านๆ ซิม ที่กลายเป็นซิมที่อยู่นอกเหนือจากควบคุม นี่คือข้อบกพร่อง ของกสทช. ในการปล่อยให้เอกชนที่เป็นเจ้าของซิม ทำในสิ่งที่เรียกว่าผิดกฎหมาย และไม่มีการดำเนินการอะไรกับเอกชนเจ้าของซิมดังกล่าว..... แต่ถึงอย่างไร การที่รัฐบาลทำการงดจ่ายไฟฟ้า ให้กับเมืองชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน ที่เป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร อย่างน้อยก็ยังมีเสียงเชียร์ของประชาชนให้ได้ยินอยู่บ้าง หลังจากมีแต่ก้อนอิฐที่เขวี้ยงใส่ ทั้งแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นๆ ที่มีหน้าที่ แต่ไม่รับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น......แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจจะได้รับผลสะเทือน จากการปฏิบัติการจากรัฐบาลไทย และจากรัฐบาลจีน ที่เข้ามาเพื่อจัดการกับพลเมืองของเขาในครั้งนี้ ไม่มากก็น้อย แต่ด้วยการเป็นอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ ย่อมที่จะไม่หยุดนิ่ง และยุติการดำเนินการ เพียงต่อมาอาจจะมีการพัฒนารูปแบบและมีการใช้พื้นที่ชายแดนด้านอื่นๆ และใช้เครื่องมือที่ก้าวล้ำ ในเรื่องของเทคโนโลยี ในการก่ออาชญากรรม เพื่อหลีกหนีการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบกับอาชญากรรมข้ามชาติ ในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอื่นๆ ต้องมีการพัฒนาองค์กรให้มีความทันสมัย และต้องนำหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างน้อยหนึ่งก้าว จึงจะป้องกันความเสียหายของประชาชนที่เกิดจากแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติได้......ที่สำคัญ หลังการที่รัฐบาลจีนเข้าไปกวาดล้าง บรรดาจีนเทาที่เป็นพลเมืองของประเทศจีน วันนี้จีนเทาได้มีการหลบหนีมาหลบซ่อนในประเทศไทย โดยความร่วมมือของขบวนการค้ามนุษย์ของไทย ไปแล้วจำนวนเท่าไหร่ เมื่อเข้ามาแล้ว วันนี้จีนเทามีการกระจายตัวไปยังเมืองไหน ภูมิภาคไหนของประเทศไทยบ้าง เพื่อใช้เป็นฐานในการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ สุดท้าย ปัญหาของจีนเทายังไม่มีความร้ายแรง เท่ากับไทยเทา และเจ้าหน้าที่เทา ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการให้การสนับสนุน และเป็นนอมินี เพื่อการแบ่งปันผลประโยชน์ ถ้ารัฐบาลต้องการที่เห็นขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หมดไปจากแนวชายแดน ประเทศเพื่อนบ้าน และในประเทศไทย ต้องทำลายขบวนการไทยเทา และข้าราชการเทา ภายในประเทศให้หมดไปเสียก่อน จึงจะได้ผล...
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี