"ทหารพรานนครพนม" หมอบพรางตัว 3 คืนซุ่มยึดไอซ์ 658 กิโลกรัม พ่วงยาบ้ากว่าแสนเม็ด รวบ 3 สมุนชาวลาวว่ายหนีผิดหมดแรงเกือบจมน้ำโขง
ที่หน้ากองร้อยทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (ร้อย ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21 กกลฯ) บ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม เมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 ที่ผ่านมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพภาคที่ 2 นครราชสีมา เพื่อแถลงข่าวร่วมกับ พล.ต.สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (ผบ.กกล.ฯ) พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) นายคณิสร ภาพีรนนท์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 4 พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (ผบ.ควบคุม 1 กกล.ฯ) พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 (ผบ.ฉก.ทพ.21) นายราชวัชร์ เพ็ชรไพฑูรย์ นายอำเภอบ้านแพง พ.ต.อ.สุนันท์ สร้อยสุด ผกก.สภ.บ้านแพง ในการตรวจยึดยาไอซ์ จำนวน 16 กระสอบ น้ำหนัก 658 กิโลกรัม ยาบ้า 58 มัด รวม 116,000 เม็ด พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 3 คน รถตู้ 1 คัน เรือหาปลาติดเครื่องยนต์ 2 ลำ เหตุเกิดเมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ก.พ.68 ร.ท.วันชาติ เหมือนปืน ผบ.ร้อย ฉก.ทพ.2101 จับกุมผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด จำนวน 2 ราย พร้อมของกลาง(ยาบ้า) จำนวน 252,000 เม็ด และรถยนต์เก๋ง 1 คัน บริเวณพื้นที่บ้านแพงใต้ หมู่ 1 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยผู้ต้องหาให้การที่เป็นประโยชน์ว่า ยาบ้าล็อตนี้มีนางติ๊กชาวลาวเป็นผู้ว่าจ้าง แต่อีกไม่เกิน 5 วันนายทุนอีกรายเตรียมจะลำเลียงข้ามโขงมาลงที่จุดเดียวกัน และน่าจะเป็นล็อตใหญ่มีมูลค่าสูง
ผบ.ร้อย ฉก.ทพ.2101 จึงประสานหน่วยงานความมั่นคง บูรณาการลาดตระเวนร่วมกัน โดยบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่รกร้าง เดิมใช้ลำเลียงขนส่งหมาไปยังประเทศเวียดนาม จึงเรียกว่าท่าหมา ภายหลังมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ จึงกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ชาวบ้านละแวกนั้นก็ได้เข้าไปประโยชน์ด้วยการปลูกยาสูบ เจ้าหน้าที่ได้ซุ่มเฝ้าด้วยการหมอบตัวกับพื้นในร่องยาสูบ โดยผลัดเปลี่ยนเวรกันเฝ้าระวัง จนถึงวันที่ 11 กพ.ช่วงกลางวันพบรถตู้โตโยต้า รุ่น Commuter สีขาว ทะเบียน ฮพ 2781 กทม. ขับมาป้วนเปี้ยนบริเวณท่าหมาแบบมีพิรุธ ก่อนจะขับไปยังถนนทางหลวงสายหลักหมายเลข 212 สายบ้านแพง-นครพนม
กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. เป็นเวลาพลบค่ำรถตู้ต้องสงสัยก็ขับกลับมาอีกครั้ง โดยวิ่งเข้าไปจอดใกล้แม่น้ำโขงบริเวณท่าหมา มีชายคนหนึ่งลงจากรถเดินวนไปมาเหมือนรออะไรบางอย่าง ไม่นานพบเรือกีบหรือเรือหาปลาท้องถิ่นจำนวน 2 ลำ ไหลล่องมาตามลำน้ำโขงโดยไม่ติดเครื่องยนต์ เมื่อเรือเข้าจอดเทียบตลิ่งน้ำโขง ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 7 คนลงมาจากเรือพร้อมลำเลียงกระสอบสิ่งของต้องสงสัยลงมา เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบสิ่งของบนเรือ ปรากฏว่าชายคนขับรถตู้ที่ยืนรออยู่ริมตลิ่ง เผ่นหนีไปกับความมืดก่อนเพื่อน ส่วนกลุ่มชาย 7 คนที่แบกสิ่งของ ได้ทิ้งของที่แบกแล้วกระโดดลงแม่น้ำโขงเพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่ตะครุบตัวได้ 1 คน พร้อมส่งสัญญาณให้ สน.เรือบ้านแพง สนับสนุนเรือเร็วเข้าทำการลาดตระเวนติดตามตัวชายที่โดดลงแม่น้ำหนี และสามารถติดตามและควบคุมตัวได้เพิ่มเติมอีก 2 คน รวมทั้งหมด 3 คน เป็นชาว สปป.ลาว ทั้งหมด
ทราบต่อมาว่าชื่อท้าวพง อะไพโส อายุ 30 ปี ชาวบ้านดอน เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ, ท้าวลี่ สีสงคาม อายุ 17 ปี ชาวบ้านทางแบ่งหลักซาว เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ และ ท้าวดำ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 25 ปี ชาวบ้านนาข่า เมืองคูนคำ แขวงคำม่วน สปป.ลาว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกระสอบสิ่งของต้องสงสัยบนเรือ เบื้องต้นพบเป็นยาเสพติดประเภทที่ 1 ยาไอซ์ และยาบ้า ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหา และนำของกลางทั้งหมด ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด เป็นยาไอซ์จำนวน 16 กระสอบ(ประมาณ 658 กิโลกรัม ยาบ้าจำนวน 58 มัด ประมาณ 116,000 เม็ด
สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การว่าได้มีท้าวลีชาวเขาเผ่าม้ง มือขวาคนหนึ่งของนายทุนลาว ติดต่อทางโทรศัพท์ให้ไปหาที่บ้าน เพื่อรับงานลำเลียงยาเสพติดมายังฝั่งไทย พอมาถึงทราบว่าท้าวลีให้ทำงานร่วมกันทั้งหมด 7 คน ได้ค่าจ้างคนละ 20,000 บาท และอ้างว่าของที่ขนข้ามไปเป็นกัญชา และให้เสพยาบ้าคนละ 3 เม็ดก่อนลงมือทำงาน
เวลาประมาณ 17.00 น.ก็มีรถไถนาเดินตามบรรทุกกระสอบยาเสพติดมาลงเรือรวม 2 ลำ จากนั้นท้าวลีก็สั่งคนขับเรือขับแล่นขึ้นไปทางเหนือ ก่อนจะดับเครื่องปล่อยให้เรือไหลล่องเข้าฝั่งไทย โดยใช้ไม้พายคัดท้ายเทียบตลิ่ง ขณะช่วยกันแบกกระสอบลงเรือ เจ้าหน้าที่ก็โผล่จากที่ซ่อน ท้าวลีหัวโจกกระโดดลงน้ำทันที ลูกสมุนก็พากันโดดตาม มีเพียงท้าวพงที่หนีไม่ทันโดนจับได้
เจ้าหน้าที่จึงประสาน สน.เรือบ้านแพง เพื่อนำเรือออกติดตามค้นหากลางแม่น้ำโขง พบท้าวลี่กับท้าวดำ ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเหมือนใกล้หมดแรง จึงรีบดึงตัวขึ้นจากน้ำ ส่วนอีก 4 คนซึ่ง 1 ใน 4 นั้น มีท้าวลีหัวโจกรวมอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ตามหาไม่เห็น และยังไม่ทราบชะตากรรม
ส่วนรถตู้ตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบก ทราบชื่อผู้ครอบครองอยู่ จ.เพชรบูรณ์ ไม่ได้ติดไฟแนนซ์ ตรวจสอบในรถเบาะหลังถูกถอดออก เพื่อใส่กระสอบยาเสพติดได้สะดวก ในเบื้องต้นพบถุงบรรจุยาไอซ์เป็นรูปดราก้อนบอล เขียนอักษรไทยคู่กับภาษาจีนว่าราชามังกร และมีคำว่าประเทศไทยข้าวหอมมะลิอยู่ข้างซอง แตกต่างจากที่ตรวจยึดจับกุมที่ผ่านมาจะเป็นถุงชาจีน คาดขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ต้องการอำพรางแหล่งผลิตที่แท้จริง กรณีถูกจับได้ในประเทศที่สาม ทำให้คิดปลายทางว่าสินค้าผลิตในประเทศไทย ส่วนยาบ้ากว่า 1 แสนเม็ด คาดเป็นรางวัลสำหรับแก๊งลำเลียง นำไปขายในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน หรือกลุ่มวัยรุ่น ราคาซื้อขายตามแนวชายแดนอยู่ที่ 3 เม็ดร้อย
คำนวนมูลค่ายาไอซ์ มีราคาซื้อขายตามขอบพรมแดนไทยลาว กิโลกรัมละ 100,000-150,000 บาท หากเล็ดลอดเข้าพื้นที่ตอนใน หรือในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติรวมตัวกันเยอะๆ ตกราคากิโลกรัมละ 300,000 บาท หากทะลุไปยังประเทศที่สาม ราคาจะพุ่งถึง 10 เท่าตัว การตรวจยึดครั้งนี้เฉพาะในประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท
ทางด้าน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง มทภ.2 เปิดเผยว่าในห้วงที่ผ่านมา มีสถิติการจับกุมในพื้นที่อำเภอชายแดนของจังหวัดนครพนมจำนวน 139 ครั้ง ผู้ต้องหา 27 ราย มีของกลางยาบ้ามากถึง 16,707,380 เม็ด,ยาไอซ์ 778 กิโลกรัม,เฮโรอีน 67 กิโลกรัม และ เคตามีน 320 กิโลกรัม
ส่วนการจับกุมในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด 7 จังหวัด 25 อำเภอ จำนวน 428 ครั้ง ผู้ต้องหา626 คน มีของกลางยาบ้า 74,168,318 เม็ด, ไอซ์ 2,566,308 กิโลกรัม,เฮโรอีน 123.95 กิโลกรัม,เคตามีน 5,783 กิโลกรัม, และยาอี 1,490 เม็ด,happy Water 800 ซอง,ฝิ่นดิบ .66 กรัม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี