สถานการณ์ไฟป่ากาญจน์ยังหนัก นักท่องเที่ยวเจอควันจากการเผาอ้อยเข้าเต็มๆ แต่ยังมีเกษตรกรเห็นคุณค่าอัดใบอ้อยขายลด PM2.5
วันนี้ 13 ก.พ.68 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ได้รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศของจังหวัดกาญจนบุรี ในเวลา 08.00 น.โดยสถานีตรวจวัด ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีค่า 59.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เด็ก คนชรา สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยในกลุ่มโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ และอ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์ ส่วนประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีความจำเป็นเช่น หน้ากากอนามัย เป็นต้น
ขณะที่ดาวเทียม ซูโอมิเอ็นพีพี (Suomi NPP) ระบบ วีอาร์เอส (VIIRS) ตรวจจุดความร้อน ((Hotspot)ย้อนหลังกลับไป 24 ชั่วโมง พบจำนวน 260 จุด ประกอบด้วย ป่าอนุรักษ์ 85 จุด ป่าสงวน 108 จุด เขต สปก.6 จุด พื้นที่เกษตร 11 จุด ริมทางหลวง 1 จุด และอื่นๆ 49 จุด
นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า สถานการณ์ไฟป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี ยังคงมีความน่ากังวล หลังระบบตรวจจับดาวเทียมพบจุดความร้อน (Hotspot) กระจายตัวถึง 41 จุดในช่วงเช้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของสัตว์ป่าและระบบนิเวศในพื้นที่อนุรักษ์ เพราะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ถือเป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด การเกิดของไฟป่าครั้งนี้จึงถือเป็นภัยคุกคามที่ต้องเร่งแก้ไขให้ทันท่วงที
ด้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ยกระดับการรับมือสถานการณ์ทันที โดยศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน ส่งเครื่องบินลำพิเศษขึ้นบินสำรวจพื้นที่ในเวลา 15.00 น. นำโดยนายมานะ เพิ่มพูล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3 บ้านโป่ง) พร้อมด้วยนายพีร พวงมาลี ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ร่วมบินตรวจสอบสถานการณ์ เพื่อเตรียมวางแผนเข้าควบคุมเพลิงได้ตรงจุดความร้อนอย่างแม่นยำมีประสิทธิภาพ
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งระดมกำลังและอุปกรณ์ เตรียมเข้าควบคุมเพลิงตามจุด Hotspot ที่ตรวจพบ โดยมีการวางแผนการเข้าถึงพื้นที่และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟป่าที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าในพื้นที่
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือให้เฝ้าระวังและรายงานหากพบเห็นจุดไฟป่าเพิ่มเติม แจ้งสายด่วน1362 ได้ตลอด24 ชั่วโมง และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟป่าในวงกว้าง
ศูนย์ฯ War Room อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ปฏิบัติภารกิจเฝ้าระวังไฟป่า พบหลายจุดควบคุมไฟได้แล้ว ผลจากการปฏิบัติหน้าที่ดับไฟอย่างต่อเนื่อง วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.30 น.นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันพื้นที่ป่าอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ รายงานว่า ศูนย์ฯ War Room อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าในพื้นที่อุทยานฯ โดยมีการประชุมมอบหมายภารกิจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และส่งมอบเสบียงให้กับเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมปฏิบัติการดับไฟป่า การแบ่งทีมปฏิบัติงาน ดังนี้
กลุ่มที่ 1: บริเวณห้วยแม่วง ม.2 ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์, สถานีควบคุมไฟป่าเขื่อนศรีนครินทร์, เสือไฟฉะเชิงเทรา, เสือไฟกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวัง รวม 58 นาย
กลุ่มที่ 2: บริเวณเขาโกเต็ง ม.1 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ 10 นาย
กลุ่มที่ 3: บริเวณป่าโป่งส้าน ม.7 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ และเสือไฟชุมพร รวม 20 นาย ผลการปฏิบัติงานดับไฟป่า (รอบบ่ายวันที่ 11 กพ.68) และบริเวณป่าโป่งส้าน ม.7 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ และอุทยานแห่งชาติเขาแหลม รวม 19 นาย สามารถควบคุมและดับไฟได้เรียบร้อยแล้ว
และกลุ่มที่ 4: บริเวณเขาน้ำมุด ม.3 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวัง รวม 14 นายสามารถควบคุมและดับไฟได้เรียบร้อยแล้ว เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดเดินทางไปทำธุระในพื้นที่ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ระหว่างเดินทางกลับในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น.ด้วยการใช้เส้นทางมุ่งหน้าเข้าบ้านตลาดเขต อ.พนมทวน พบกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก เมื่อขับรถไปถึงระยะที่ให้กับจุดต้นเพลิง ปรากฎว่าไฟกำลังลุกไหม้ไร่อ้อยอย่างรุนแรง กลุ่มควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ รถยนต์ที่นักท่อเที่ยขับมาปิดกระจกอย่างสนิดแต่กลิ่นเหม็นไหม้ยังสามารถเล็ดลอดเข้าไปถึงห้องผู้โดยสาร สร้างความรำคาญให้กับเจ้าของรถคันดังกล่าวเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเกษรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจำนวนมากที่เล็งเห็นถึงผลกระทบจากฝุ่นนละอองขนาดเล็ก PM2.5 และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ในการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร ตามแนวทาง 3R Model ลดปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตร 1.Re-Habit : เปลี่ยนพฤติกรรม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืช เป็นการปลูกแบบไม่เผา ภายใต้มาตรฐาน GAP PM 2.5 Free โดยการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยในการเก็บเกี่ยว
2.Replace with High value crops : เปลี่ยนชนิดพืช ปรับเปลี่ยนชนิดและวิถีการปลูกพืชบนพื้นที่สูง จากพืชไร่เป็นไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชเศรษฐกิจแบบผสมผสานที่มีมูลค่าสูง
และ 3.Replace with Alternate crop : เปลี่ยนเป็นพืชทางเลือก ปรับเปลี่ยนชนิดและวิธีการปลูกพืชบนพื้นราบ โดยเน้นการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและเป็นประโยชน์ต่อดิน เช่น เกษตรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่ อ.เลาขวัญ ที่ผ่านมานางสาวชลธิชา วงษ์อุตสาห์ นายอำเภอเลาขวัญ พร้อมด้วยนายวีรธรรม ชูใจ เกษตรอำเภอเลาขวัญ ลงพื้นที่รณรงค์และพบปะกับเกษตรชาวไร่อ้อยในพื้นที่ อ.เลาขวัญ ที่เล็งคุณค่าเศษของใบอ้อย ด้วยการนำเครื่องจักรมาอัดใบอ้อน แล้งส่งไปขายให้โรงงานน้ำตาลมิตรผล อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ในราคา950 บาท/ตัน 1 ไร่ สามารถอัดก้อนได้ประมาณ 1-2 ตัน ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของใบอ้อย
แต่หากเกษตรกรรายใดไม่มีเครื่องอัด จะมีการซื้อขายใบอ้อย อยู่ที่ ไร่ละ 100 บาท โดยจะมีผู้รับจ้างอัด มาอัดแล้วนำไปขายเองที่โรงงานน้ำตาลมิตรผลฯ การที่โรงงานน้ำตาลมิตรผล สุพรรณบุรี ที่ช่วยรับซื้อใบอ้อยจากชาวไร่อ้อย จากกาญจนบุรี ถือว่าทำให้ช่วยลดการเผาใบอ้อย ช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM.2.5 ได้อีกทางหนึ่งด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี