‘Valentine's Day’ ไม่หวือหวา ดอกกุหลาบราคาต้นทุนพุ่ง 4 เท่าตัว คาดพิษเศรษฐกิจยอดสั่งลดลง หนุ่มสาวเปลี่ยนเป็นจูงมือขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศวันวาเลนไทน์ที่ร้านบุญรัตน์ ซึ่งเป็นเอเยนต์ขายส่งดอกไม้รายใหญ่ของจังหวัดนครพนม ภายในตลาดสุวรรณภูมิ (เดิม) ตรงข้ามกับตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม ถนนอภิบาลบัญชา พบคนงาน 4-5 คนกำลังช่วยกันตัดแต่งและห่อดอกกุหลาบอย่างขะมักเขม้น ตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง เพื่อเป็นของขวัญแก่คนพิเศษ โดยเฉพาะดอกสีแดงถือเป็นตัวเอกของเทศกาลนี้
นางบุญรัตน์ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านเผยว่า วันวาเลน์ไทน์ปีนี้ยอดสั่งทำไม่หวือหวา อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจรวมถึงกำลังซื้อไม่ค่อยเท่าไหร่ ขณะที่ดอกกุหลาบราคาขยับตัวขึ้นสูงถึง 4 เท่าตัว เช่นกุหลาบสั่งจากจีน เดิมราคากำละ 300 บาท ในเทศกาลวันแห่งความรักทะยานสูงเป็นกำละ 700 บาท ส่วนกุหลาบไทยเดิมราคากำละ 100 กว่าบาท ก็เป็นกำละ 500 บาท คุณสมบัติจะแตกกันตรงที่กุหลาบจีนจะดอกสวยและอยู่นาน ส่วนกุหลาบไทยก้านดอกเป็นรอง และด้วยกำลังซื้อของลูกค้าในต่างจังหวัดไม่เหมือนเมืองใหญ่ จึงนำกุหลาบจีนผสมกับกุหลาบไทย เพื่อให้ราคาสมดุลตามสภาพของเศรษฐกิจ ส่วนมากลูกค้าจะสั่งกุหลาบทรงเครื่อง ที่นำมาห่อเป็นชุด แซมด้วยดอกไม้ชนิดอื่น เพิ่มสีสันความสวยงาม ขณะนี้มีออเดอร์สั่งเข้ามาแล้วประมาณ 50 กว่าราย
นางบุญรัตน์ กล่าวต่อว่า ปกติแล้วเทศกาลวันวาเลนไทน์ ถือเป็นนาทีทองของธุรกิจดอกไม้ ที่จะโกยรายได้เข้ากระเป๋า แต่ในช่วงหลายปีมานี้ ธุรกิจดอกไม้ค่อนข้างซบเซา เดิมทางร้านเคยเร่งทำดอกกุหลาบส่งลูกค้าถึงฟ้าสาง ส่วนลูกน้องผู้ประดิษฐ์ประดอยความสวยงามของดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์ เผยว่ามียอดสั่งน้อย ไม่เกินตีสองก็คงจะเสร็จเรียบร้อย ซึ่งในค่ำคืนของวันเดียวกัน ที่ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช มีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางมากราบไหว้ขอพรจำนวนมาก มีภาพหนุ่มสาวหลายคู่จูงมือกันมาอธิษฐาน
ทั้งนี้ เทศกาลวาเลนไทน์ (Valentine's Day) เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโน ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงาน
โดยในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 แห่งกรุงโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้าย และทรงนิยมการทำสงคราม ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในกองทัพ เนื่องจากไม่อยากจากคู่รักและครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันมีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนาดีนี้เองจึงทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับ แต่ระหว่างถูกจองจำเขาก็ยังคงส่งคำอวยพร ออกไปข้างนอกเรือนจำ เชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิงที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ที่ได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง และในคืนก่อนที่นักบุญวาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตด้วยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย ลงท้ายว่า ‘From Your Valentine’
หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส ณ กรุงโรม จูเลียสาวคนรักก็ได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัสผู้เป็นที่รักของเธอ ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว แต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญ และสำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติก
ต่อมานักบวชในนิกายโรมันคาทอลิก จึงเลือกให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก ถือเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
- 026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี