อัยการฟ้อง‘หมอบุญ’
ร่วมกับพวกฉ้อโกงฯ
สูญกว่า1.6หมื่นล้าน
ชี้คดีมีอายุความ15ปี
อัยการ สั่งฟ้อง “หมอบุญ” กับพวก 16 คน คดีร่วมกันฉ้อโกงฯ ชี้มีเหยื่อจำนวนมากมูลค่าเสียหายสูง กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท สั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งติดตามตัว ‘หมอบุญ’ มาดำเนินคดี ในอายุความ 15 ปี
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คดีระหว่าง น.ส.อรเกศ ปัญญาเนตินาถ กับพวก ผู้กล่าวหา นพ.บุญ วนาสิน กับพวก รวม 16 คน ผู้ถูกต้องหา ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เหตุเกิดเมื่อประมาณปี 2553 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ต่างกรรมต่างวาระกัน ในท้องที่แขวงและเขตห้วยขวาง , แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม. และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 16,100,602,806 บาท
ทั้งนี้ เนื่องจากคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายจำนวนมาก และมีมูลค่าความเสียหายมาก รวมทั้งเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อพิจารณาคดีดังกล่าว และให้มีการรายงานผลการพิจารณาคดีแก่อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เพื่อมีความเห็น บัดนี้ สำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้ว มีความเห็นและคำสั่ง ดังนี้ 1.สั่งฟ้อง น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ ผู้ต้องหาที่ 2 , น.ส.ศิวิมล จาดเมือง ผู้ต้องหาที่ 3 , นางจารุวรรณ วนาสิน ผู้ต้องหาที่ 4 , นางนลิน วนาสิน ผู้ต้องหาที่ 5 , น.ส.อัจจิมา พาณิชเกรียงไกร ผู้ต้องหาที่ 6 , นายภาคย์ วัฒนาพร ผู้ต้องหาที่ 7 , นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา ผู้ต้องหาที่ 8 , นายธนภูมิ ชนประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 9 , นางณวรา กุญชร ณ อยุธยา ผู้ต้องหาที่ 10 , น.ส.มาสฤดี คณาพิทักษ์พงศ์ ผู้ต้องหาที่ 13 , นายเนติวรรธน์ สุวรรณกูฏ ผู้ต้องหาที่ 14 , น.ส.นัญญากรณ์ ธรรมา ผู้ต้องหาที่ 15 และ น.ส.ชัญญ์ญาณ์ พุฒิพงศ์ชญาห์ ผู้ต้องหาที่ 16
สำหรับข้อกล่าวหา ประกอบด้วย ความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91 และ 343 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 พ.ศ.2534 มาตรา 3 , พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 , พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4
2.เห็นควรสั่งฟ้อง นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหาที่ 1 , น.ส.กชพร สุวรรณกูฏ ผู้ต้องหาที่ 11 และ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ผู้ต้องหาที่ 12 ตามข้อกล่าวหาฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 และ 343 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 พ.ศ.2534 มาตรา 3, พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 , พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 โดยผู้ต้องหาที่ 2-10 และที่ 13-16 ซึ่งอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งฟ้องนั้น อัยการ สำนักงานคดีพิเศษ จะยื่นฟ้องผู้ต้องหาที่ 2-10 และที่ 13-16 ต่อศาลอาญา ในวันเดียวกันนี้
ส่วน นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหาที่ 1 , น.ส.กชพร สุวรรณกูฏ ผู้ต้องหาที่ 11 และ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ผู้ต้องหาที่ 12 ซึ่งอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องนั้น ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง จึงได้แจ้งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จัดการให้ได้ตัวมาดำเนินคดีภายในกำหนดอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิด ส่วนผลความคืบหน้าทางคดีเป็นประการใด สำนักงานอัยการสูงสุด จะแถลงให้ทราบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี