กทม. รวบรวมหลักฐาน จ่อดำเนินคดีอาญา จับ-ปรับ รถบรรทุก 6 ล้อ ฝ่าฝืนเข้าเขตควบคุมมลพิษ LEZ
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 68 นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ประชุมแนวทางการดำเนินคดีอาญากรณีมีผู้ฝ่าฝืนประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร เรื่อง ห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินคดีอาญาฯ ประกอบด้วย คู่มือปฏิบัติงาน/ขั้นตอนการดำเนินคดี การลงชื่อรับรอง การดำเนินคดี การรวบรวมพยานหลักฐาน การติดตามผล ปัญหาอุปสรรคของระบบ LEZ อุปกรณ์ วัสดุ เครื่องมือ การส่งเรื่องคืนนอกเขตโอนคดี พร้อมข้อเสนอแนะอื่นๆ เช่น การมีมาตรการให้รถของกรุงเทพมหานครอยู่ในบัญชีสีเขียวทั้งหมด การแจ้งประกาศ/คำสั่ง การลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการดำเนินคดีอาญากรณีมีผู้ฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว อาทิ ผู้อำนวยการจังหวัด (ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร) เป็นผู้ถือคำสั่งตามมาตรา 29 ประกอบมาตรา 37 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ดังนั้น ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวจะมีโทษทางอาญาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจ้ำทั้งปรับตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน (อายุความ 1 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิด)
การดำเนินคดีอาญาข้อหานี้กรุงเทพมหานครไม่มีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ จึงต้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในฐานความผิดฝ่าฝืนค่ำสั่งของผู้อำนวยการจังหวัดต่อพนักงานสอบสวนตามมาตรา 17 และมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีคำสั่งมอบอำนาจในการร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดฯ ให้แก่ผู้อำนวยการสำนักหรือผู้อำนวยการเขตไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษแก่ผู้กระทำความผิดและหรือผู้อำนวยการสำนักหรือผู้อำนวยการเขตสามารถมอบอำนาจช่วงให้เจ้าหน้าที่อื่นไปดำเนินการดังกล่าวแทนได้ ต่อพนักงานสอบสอบสวน ณ สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ
สำนักสิ่งแวดล้อม ดำเนินการจัดเก็บหลักฐานรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป ที่ฝ่าฝืนประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครฯ โดยกล้อง CCTV บันทึกทะเบียนรถที่ฝ่าฝืน ตรวจสอบทะเบียนรถกับบัญชีสีเขียว และจัดทำฐานข้อมูลทะเบียนรถที่ฝ่าฝืนประกาศดังกล่าวแยกรายเขต ลงในระบบ LEZ (Low Emission Zone) และส่งให้สำนักงานเขตในพื้นที่เกิดเหตุพิจารณาดำเนินคดีอย่างน้อย คือ ภาพถ่ายรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปเข้ามาในพื้นที่เขตตามที่ประกาศกองอำนวยการฯ โดยถ่ายให้เห็นหมายเลขทะเบียนให้ชัดเจน ถ่ายบริเวณที่เกิดเหตุที่มีจุดเด่นเพื่อให้พอทราบพิกัดที่สามารถตรวจสอบภายหลังว่าอยู่ในพื้นที่เขตใด รวมทั้งการขอภาพถ่ายหรือวิดีโอจากล้องวงจรปิดจากหน่วยงานราชการหรือเอกชน (ถ้ามี)
ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ดำเนินการดังนี้ 1. เข้าระบบ LEZ (Low Emission Zone) เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานของรถที่ฝ่าฝืนประกาศฯ 2. ดึงข้อมูลจาก ระบบ LEZ (Low Emission Zone มาพิจารณาและรวบรวมพยานหลักฐาน เช่น ประสานขอข้อมูลทะเบียนรถจากกรมชนส่งทางบก เป็นต้น ตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคดีที่จะสามารถพิสูจน์ว่าได้เข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามในช่วงวันเวลาตามประกาศดังกล่าว และรายละเอียดเกี่ยวกับผู้กระทำผิด เช่น สำเนาประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร เรื่อง ห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกฯ สำเนาการแจ้งประกาศ สำเนาเอกสารที่แสดงว่ารถดังกล่าวไม่อยู่ในบัญชีสีเขียว (Green List) หลักฐานข้อมูลทะเบียนรถจากกรมขนส่งทางบก สำเนาข้อมูลทะเบียนราษฎร์ แผนผังแสดงสถานที่เกิดเหตุ เป็นต้น
เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถดำเนินคดีได้แล้ว ให้จัดทำหนังสือร้องทุกข์ กล่าวโทษ พร้อมแบบหนังสือมอบอำนาจของผู้อำนวยการเขตและดำเนินการไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ ภายใน 15 วันทำการนับจากวันที่ได้รับเรื่อง โดยให้ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ติดตามคดีทุกเดือน และรายงานสำนักสิ่งแวดล้อมทราบ ประกอบด้วย แผนผังแสดงสถานที่เกิดเหตุ หนังสือขอทราบข้อมูลทะเบียนรถจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อประกอบการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด หนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน หนังสือขอทราบผลคดี
037
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี