กทม. ห่วงโรคอ้วนในเด็ก เตรียมจับมือประเทศเดนมาร์ก ร่วมโครงการ Cities for Better Health (CBH) เพื่อสุขภาพดีของคนกรุงเทพฯ
รศ.ทวิดา กมลเวชช กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบาย “สุขภาพดี” ของกรุงเทพมหานคร ในการประชุมหารือร่วมกับนายโอเล่อ ลินด์ฮอล์ม ที่ปรึกษาและหัวหน้าฝ่ายการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทย และผู้แทนจากบริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด และภาคีเครือข่าย ในการเข้าร่วมโครงการ Cities for Better Health (CBH) ว่า
กรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการตรวจสุขภาพฟรี 1 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนเข้าร่วมโครงการแล้วมากกว่า 500,000 คน โดยปรับรูปแบบในการเก็บข้อมูลสุขภาพของประชาชนไว้ในสมุดสุขภาพดิจิทัล (Digital Health Book) ผ่านแอปพลิเคชัน หมอ กทม. เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้ประชาชนสามารถเรียกดูข้อมูลสุขภาพของตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลา และนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์และกำหนดนโยบายด้านสุขภาพ สอดคล้องกับแผนดำเนินกิจกรรมในโครงการ Cities for Better Health แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุมถึงข้อมูลสุขภาพของเด็กเล็ก ซึ่งกทม.ได้ขับเคลื่อนการป้องกันและควบคุมปัญหาโรคอ้วนในเด็กเป็นวาระสำคัญ และการบูรณาการดำเนินงานในการลดการเกิดภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนในเด็ก และเยาวชนร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
ในการหารือครั้งนี้ มีนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุนทร สุนทรชาติ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนจากสำนักอนามัย สำนักการศึกษา และสำนักงานการต่างประเทศ ร่วมหารือเพื่อพิจารณาเข้าร่วมโครงการ Cities for Better Health (CBH) โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ปัญหาโรคอ้วนในเด็ก ซึ่งมีแผนจะดำเนินกิจกรรมความร่วมมือสำคัญ เช่น การสนับสนุนจัดตั้งครัวกลาง (Central Kitchen) เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารของโรงเรียน การขยายผลโครงการ "อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน" และค่ายเด็กของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) การดำเนินโครงการ "Health Dashboard Application" โดยบูรณาการข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันไทยสุข (ThaiSook) และการดำเนินการบูรณาการเรียนการสอน Healthy School เพื่อปรับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD)
นอกจากนี้ บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ฯ มีความประสงค์จะสนับสนุนการสร้างพื้นที่เล่นกีฬาในสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มพื้นที่การออกกำลังกายประเภทต่าง ๆ และส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น พร้อมได้เสนอการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร ราชอาณาจักรเดนมาร์ก (โดย บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ฯ) คาดว่าจะเสนอให้ลงนามภายในปลายเดือนมิถุนายน 2568 รวมถึงการจัดตั้งคณะทำงานร่วม (Working Committee) เพื่อขับเคลื่อนโครงการความร่วมมือ Cities for Better Health (CBH) โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย เครือข่ายคนไทยไร้พุง กรมควบคุมโรค ฯลฯ เข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ รองผู้ว่าฯ ศานนท์ ได้เสนอให้กิจกรรมของโครงการฯ เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และบูรณาการเข้ากับหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยเน้นใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ พร้อมเสนอให้โครงการฯ กำหนดกิจกรรมให้ตรงกับจุดเน้นด้านการจัดการศึกษาของกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2568 โดยประสานข้อมูลกับสำนักการศึกษาต่อไป
สำหรับโครงการ Cities for Better Health (CBH) เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต และนโยบายสาธารณะ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และส่งเสริมสุขภาพในระยะยาว โดยให้ความสำคัญกับ การป้องกันโรคอ้วนในเด็ก และการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพในชุมชนเปราะบาง ซึ่งโครงการที่เชิญกรุงเทพมหานครเข้าร่วม คือ โครงการ Childhood Obesity Prevention Initiative (COPI) ซึ่งเป็นโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการระยะเวลา 3 ปี ที่เน้นให้ความรู้ด้านโภชนาการและกิจกรรมทางกายภาพแก่เด็กอายุ 6–13 ปี โดยมี 6 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ แคนาดา สเปน ฝรั่งเศส บราซิล แอฟริกาใต้ และญี่ปุ่น ขณะนี้บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ฯ กำลังดำเนินการขออนุมัติโครงการร่วมกับกรุงเทพมหานครเพื่อให้โครงการนี้สามารถเดินหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต
037
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี