ตำรวจไซเบอร์ประเมินสถานการณ์แนวชายแดน หลังมาตรการกดดันจากไทยได้ผล เผยด้านกาญจนบุรียังพบคนไทยหัวหมอลักลอบเชื่อมสายอินเตอร์เน็ตข้ามฝั่งถนนแค่ 3-4 เมตร แถมเจอค่ายมือถือเอกชนหันเสาสัญญาณไปยังเขตประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการลักลอบจ่ายกระแสไฟด้วย ล่าสุดประสาน กสทช.เข้าไปตรวจสอบแล้ว เผย 260 คนที่รับตัวกลับโดนหลอกแค่ 1 ราย นอกนั้นเต็มใจไปทำงาน
วันที่ 15 ก.พ.68 เวลา 14.30 น. ที่ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ประเมินสถานการณ์แนวชายแดน หลังมาตรการกดดันจากไทยได้ผล เผย 260 คนที่รับตัวกลับโดนหลอกแค่ 1 นอกนั้นเต็มใจไปทำงาน
สืบเนื่องจากที่รัฐบาลไทยได้มีคำสั่งให้ตัดไฟที่ส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 5 จุดยุทธศาสตร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้เกิดผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม โดยเมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 ศูนย์สั่งการชายแดนระหว่าง ไทย-พม่า ได้รับการประสานจากฝั่ง อ.เมียวดี รัฐกระเหรี่ยง ทำการส่งตัวชาวต่างชาติ ที่เข้าข่ายถูกหลอกลวงกลับเข่ามาประเทศไทยผ่านช่องทางขนส่งสินค้า ที่ 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 260 คน และในวันที่ 14 ก.พ. กองกำลัง BGF พร้อมอาวุธได้เข้าควบคุม ตึกโครงการย่าไถ่ เมืองชเวโก๊กโก และช่วยเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2,000 คน และกำลังจะส่งกลับประเทศไทยผ่านทาง บ.วังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ภายในวันที่ 15 ก.พ. 68 เป็นต้นไป
ขณะที่สถานการณ์ในฝั่งชายแดน จ.กาญจนบุรี ตำรวจไซเบอร์ได้เปิดเผยว่า ได้ตรวจพบสายอินเทอร์เน็ต ที่มีการลักลอบเชื่อมโยง ออกจากผู้รับบริการชาวไทย ซึ่งเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบ้านดัดแปลงสัญญาณไปทางสาย โดยโยงสายอินเทอร์เน็ตข้ามไปชายแดน เนื่องจากว่าพื้นที่บ้านของผู้ลักลอบอยู่ติดกันกับประเทศเพื่อนบ้าน มีถนนคั่นกลางเพียง 3-4 เมตร นอกจากนี้ยังพบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของค่ายโทรศัพท์มือถือเอกชน ซึ่งทำผิดข้อกำหนดของ พ.ร.บ.โทรคมนาคม ของ กสทช. โดยมีการหันเสาสัญญาณไปยังเขตประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อว่าการส่งสัญญาณลักษณะนี้ไม่ได้ส่งให้ประชาชนคนไทยตามแนวชายแดนใช้ จึงคาดการณ์เป็นการส่งสัญญาณให้กับประเทศเพื่อนบ้านใช้บริการ โดยทางเรามีการประสานกับทาง กสทช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้ง พบว่ามีการลักลอบจ่ายกระแสไฟข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนนี้ทางเราก็มีการประสานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน โดยจุดที่ลักลอบส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตรวมถึงจ่ายกระแสไฟฟ้า ห่างกับที่ทำการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพียงไม่กี่เมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเมื่อเดือน พ.ย.67 ได้มีชาวจีนและคนไทยหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าวจำนวนหลายคน
สรุปสถานการณ์การส่งตัวกลับจากประเทศเพื่อนบ้าน
1. จำนวนผู้ถูกส่งตัวกลับจากชเวก๊กโกในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 มีทั้งหมด 260 คน โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทหาร, ฝ่ายปกครอง, และ สตม. เพื่อดำเนินการตรวจสอบและซักถามข้อมูล โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งคิดเป็น 90% ของผู้ส่งตัวกลับ
2. จากการซักถาม มีเพียง 1 คนที่ถูกหลอกไปและเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ส่วน 259 คนที่เหลือสมัครใจไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์
3. สถานการณ์ทั่วไปยังคงมีการติดตามอย่างใกล้ชิดทั้งจากหน่วยงานภายในและภายนอกประเทศ
ข้อสั่งการและแผนการดำเนินการต่อไป
1. ทุกการส่งตัวกลับต้องทราบล่วงหน้า และมีการประสานงานอย่างเป็นระบบ
2. เข้าร่วมซักถามเหยื่อ เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายขบวนการคอลเซ็นเตอร์
3. ตรวจสอบว่า ไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง กับขบวนการหรือไม่ เช่น การพาคนข้ามแดน
4. พิจารณาข้อกล่าวหา การนำบุคคลข้ามประเทศโดยผิดกฎหมาย
5. ตำรวจไซเบอร์ต้องซักถามเหยื่อโดยละเอียด และรายงานตามลำดับชั้น
6. ชุดประสานงานชายแดนต้องทำงานต่อเนื่อง
7. สรุปรายงาน ให้ชัดเจนว่าผู้กระทำผิดเข้าข่ายข้อหาใด
8. ตรวจสอบ จำนวนเหยื่อ และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสม
9. เก็บแฟ้มข้อมูลทุกการจับกุม และทำรายงาน สถานการณ์แนวชายแดนทุกวัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี