คดีตำรวจใช้รถตำรวจภาค 2 ขนบุหรี่เถื่อน เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาทำผิดกฎหมายศุลกากรและสรรพสามิต ขณะที่ผบช.ภาค 2 สั่งให้ออกราชการ บอกไม่เอาตำรวจแบบนี้ไว้

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ"จ่าสิบตำรวจ"นำรถตราโล่ของสำนักงานตำรวจภาค 2 ขนบุหรี่ผิดกฎหมายแล้วเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนเสาไฟฟ้าจนได้รับบาดเจ็บและพบมีการขนบุหรี่ใส่มาในรถคันดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อค่ำของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : งามไส้!ตร.ภาค2 ใช้รถตราโล่ขนบุหรี่เถื่อน ดวงซวยชนเสาไฟบาดเจ็บ)

ล่าสุด พ.ต.อ.มนตรี จินะ ผกก.สภ.บ้านท่าเลื่อน อ.เมือง จ.ตราด กล่าวว่า เบื้องต้น วันนี้คำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว ส่วนเรื่องคดีนั้นถูกดำเนินคดีทำผิด พรบ.สรรพสามิตร และ ศุลกากร ซึ่งผู้กระทำผิดขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตราด ทางร้อยเวรเจ้าของคดีจะเดินทางไปรับตัวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบ

“เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้เคยมีพฤติการณ์กระทำผิดเดียวกันมาแล้ว สมัยที่ยังรับราชการอยู่ที่ สภ.คลองใหญ่ ถูกดำเนินการทางการปกครองจาก สภ.คลองใหญ่ ย้ายตัวไปอยู่ภาค 2 แต่เจ้าหน้าที่คนนี้มีครอบครัวและชื่อยู่ อ.คลองใหญ่ ประกอบกับเมื่อวานนี้มีการเลือกตั้งนายก อบต. และเลือกตั้งซ่อม ส.อบต.คลองใหญ่คงจะเดินทางมาใช้สิทธิ์และถือโอกาสหิ้วบุหรี่ติดมือกลับไปด้วย ส่วนรถยนต์ จ่าสิบตำรวจตรีคนนี้นำมาขับและขนทราบว่ามีการปั๊มกุญแจ อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจกับคดีนี้และจะไม่มีการ ให้ความช่วยเหลือในฐานะข้าราชการตำรวจเหมือนกัน”

เวลา 10.20 น. พล.ต.ต. ชูเกียรติ ภูกาบพลอย ผบก.ภจว.ตราด ได้เดินทางมาที่ สภ.บ้านท่าเลื่อนเพื่อติดตามคดีอย่างใกล้ชิด

ระหว่างนั้น พ.ต.อ.อมร หงษ์คำ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านท่าเลื่อน ได้รับคำสั่งจากพ.ต.อ.มนตรี จะนะ ผกก.สภ.บ้านท่าเลื่อนให้เดินทางไปพบ จ.ส.อ.เอกพจน์ นิยม(เพิ่งได้รับการเลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา) ที่ได้รับบาดเจ็บและรักษาตัวที่โรงพยาบาลตราด เพื่อสอบสวนปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาตามพรบ.สรรพสามิต และพรบ.ศุลกากร ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราดขอให้เพิ่มข้อหาลักลอบนำรถยนต์ราชการมากระทำความผิดอีก 1 กระทงด้วย

ด้านพล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวสอบสวนเบื้องต้นสาเหตุอุบัติเหตุคาดว่าหลับใน โดยพบบุหรี่ไม่มีอากรแสตมป์จำนวนมากในรถจริง อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดที่มาของบุหรี่ดังกล่าว เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นบุหรี่ลักลอบไม่เสียภาษีสรรพสามิต จึงให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาโดยด่วนต่อไป รวมถึงการใช้รถของราชการ หากเป็นความผิดทางอาญาเข้าข้อกฎหมายใดจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด และในทางปกครองตนมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน

“จะไม่ยอมให้ตำรวจที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทำผิดเสียเองมีที่ยืนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหากเจตนาใช้รถของทางราชการเพื่ออำพรางให้สะดวกในการก่อเหตุทำผิดกฎหมายยิ่งเป็นสิ่งที่ผิด ไม่มีการละเว้นช่วยเหลือแน่นอน หากเป็นนิ้วร้ายก็ต้องตัดทิ้ง“ ผบช.ภ.2 กล่าว