ประกาศกวาดล้างแก๊งคอลฯให้สิ้นซาก
‘หม่องชิตตู’โวแหลก
ขีดเส้นสิ้นกุมภาพันธ์ต้องหมด
ส่งชาวจีนกลับบ้าน 20 ก.พ.นี้
‘หลิว.จงอี้’ ลุยเมียวดีรอบ 3
ล่าจีนเทาตาม‘แบล็กลิสต์’
“ภูมิธรรม”แจงสยบดราม่า ปม“หลิว จงอี้”เข้าเมียวดีจัดการแก๊งคอลฯประสานผ่านรัฐบาลไทยแล้ว ย้ำเป็นข้อตกลงร่วม 3 ประเทศ “ไทย-เมียนมา-จีน”แบ่งหน้าที่กันทำ ระบุการส่งตัวหลังจากนี้ให้เมียนมารับผิดชอบ ไทยพร้อมสนับสนุนหากร้องขอ ยันหมายจับ“หม่องชิตตู”ดีเอสไอยังไปต่อ ด้านโฆษก กห. ยืนยันเจ้าหน้าที่ไทยประสานงาน “หลิว จงอี้”เข้า-ออกเมียนมาใกล้ชิดเผยไทยเข้าใจ “จีน-เมียนมา”คุยตรง เพื่อเร่งรัดกระบวนการ ด้าน “โรม”ชี้ตัดน้ำมันสำเร็จเมียวดีมีน้ำมันใช้ได้ไม่เกินเดือน จี้ไทยต้องเป็นผู้คัดกรองคนถูกส่งกลับ เพื่อทลายแก็งคอลฯและจับไทยเทาแบบถอนรากถอนโคน ปูดข้อมูลลอบส่งออกสารตั้งต้นยาเสพติด 800 ตัน
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน6 (บน.6 ) ดอนเมือง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาว่า ล็อตที่จะกลับมาล่าสุดต้องผ่านประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและคัดกรอง เสร็จแล้วจีนจะรับตัวส่วนหนึ่งออกไป แต่ส่วนใหญ่ที่เราตกลงกันทั้งจีน เมียนมา และไทย
แจงพม่ารับผิดชอบกระบวนการส่งตัว
นายภูมิธรรมชี้แจงต่อว่า ทางเมียนมา ได้ทำหนังสือมายังฝ่ายทหาร และกระทรวงการต่างประเทศของไทย หลังจากนี้จะนำตัวทุกคนเข้ากระบวนการของเมียนมาในการจัดการทั้งหมด ซึ่งไทยจะเป็นเพียงผู้สนับสนุน ถ้าอะไรที่คิดว่าจะผ่านประเทศไทย ก็ให้ประสาน เราพร้อมสนับสนุน ซึ่งตอนนี้เรารับผิดชอบในการปราบตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ย้ำข้อตกลงร่วม3ปท.แบ่งหน้าที่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากทางจีนส่งเครื่องบินไปรับคนของเขากลับประเทศ ฝ่ายไทยอาจไม่สามารถหาตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “จับได้ครับ เราร่วมกันทั้งหมด ทั้งจีน เมียนมาและไทยประสานกัน อยู่ในส่วนไหนก็ให้ส่วนนั้นจัดการ ถือเป็นงานที่เราตกลงหน้าที่กันเรียบร้อย“
ส่วนกระแสวิจารณ์ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายรับตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขั้นตอนการคัดกรองว่าใครคือเหยื่อหรือสมัครใจนายภูมิธรรมกล่าวว่า ใครเป็นเหยื่อ หรือใครสมัครใจไปเอง เป็นกระบวนการทำงาน คงพูดไม่ได้ มีเจ้าหน้าที่ของไทยข้ามไปคัดกรอง มีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอีกหลายกระทรวงเข้าไปร่วมด้วย หลังจากข้ามมาฝั่งไทยแล้ว จีนก็เตรียมเครื่องบินมารับที่แม่สอด ค่าใช้จ่ายจึงไม่เกี่ยวกับไทย
19กพ.นัดถกหลิวจงอีสรุปมาตรการ
ส่วนกระแสวิจารณ์การลงพื้นที่ของนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เหมือนมาจัดการเรื่องนี้โดยไม่ผ่านรัฐบาลไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่า เขาไม่ได้จัดการเอง เพราะตกลงกันตั้งแต่ที่เขามาเยี่ยมตนแล้ว หลังจากที่เขาได้พบกับรมว.มหาดไทยเมียนมา และได้พูดคุยผ่านโทรศัพท์กับตนแล้ว ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ตนจะพบกับนายหลิว จงอีอีกครั้ง เพื่อสรุปการทำงานและหารือกันต่อ เรื่องนี้เราทำงานร่วมกันมา 2 เดือนแล้ว ระหว่างไทย เมียนมา และจีน วันนี้เรารับผิดชอบเรื่องคอลเซนเตอร์ เราดำเนินนการขั้นตอนแรกคือ กดดันให้มีการเปลี่ยนแปลง ใช้มาตรการ 3 ตัด (ตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดอินเตอร์เน็ต) ซึ่งการดำเนินการค่อนข้างได้ผล เพราะคุยกันแล้วว่าชายแดนท้้ง 3 ที่จะปิดทั้งหมด แต่ไม่ได้ปิดตาย จากนี้เมื่อมาตรการได้ผลแล้ว ต้องดูว่าสามารถจัดการได้เต็มที่หรือไม่ ตอนนี้สิ่งที่ได้เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการที่รัฐบาลเมียนมา หรือชนกลุ่มน้อย ที่เข้ามาจัดการกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็ให้เขาดำเนินการไปเลย และนายหลิว จงอี ข้ามไปฝั่งเมียนมาแล้ว เป็นกระบวนการเปิดเผยทุกฝ่ายรับรู้ การส่งตัวก็จะผ่านสถานทูตที่อยู่ในเมียนมา ส่วนอะไรที่ทะลักมาทางไทยจะประสานกัน หากเป็นไปได้เราจะช่วยเหลือ
หมายจับหม่องชิตตูยังดำเนินการต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกหมายจับพ.อ.หม่อมชิตตูยังดำเนินการต่อไปหรือไม่ หลังจากที่เขาออกมาช่วยจัดการแก๊งคอลเซนเตอร์ นายภูมิธรรมกล่าวว่า การออกหมายจับหรือไม่ ยังไม่ใช่ประเด็นของเรา เรื่องหม่องชิตตูเป็นเรื่องเก่า ที่มีการประสานงานกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ดีเอสไอประสานงานไป เรื่องนี้ยังดำเนินต่อไปอยู่ หม่องชิตตู ก็ทำหน้าที่ของเขาโดยประสานงานกับจีน เราคงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
กลาโหมแจงยิบกระบวนส่งเหยื่อกลับ
ด้านพลตรี ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเพิ่มเติมถึงกระบวนการส่งกลับผู้ที่ถูกหลอกไปทำงานฝั่งเมียวดีมาไทยว่า การส่งตัวเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเมียนมาและรัฐบาลไทย โดยมีคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) เป็นผู้ประสานงานหลัก ซึ่งฝ่ายเมียนมา รับผิดชอบการรวบรวมรายชื่อและข้อมูลของผู้เสียหาย ขณะที่ฝ่ายไทย จัดเตรียมสถานที่และขั้นตอนการรับตัว โดยใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เป็นจุดรับ-ส่ง
ส่วนการคัดเลือกและระบบตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มจีนเทาหรือเหยื่อที่ถูกหลอกมาทำงานนั้น เป็นกระบวนการละเอียดอ่อน ต้องการความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน โดยจะสัมภาษณ์เบื้องต้น เพื่อคัดแยกผู้เสียหาย พร้อมประสานทีมสหวิชาชีพ ร่วมประเมินและตัดสินใจเกี่ยวกับสถานะของบุคคลนั้น ขณะที่การตรวจสอบและคัดแยกกลุ่มจีนเทา เจ้าหน้าที่จะสืบสวนข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ หรือการจัดตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อระบุบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตรวจสอบประวัติและเอกสารการเดินทาง และข้อมูลทางการเงิน เพื่อหาหลักฐานที่เชื่อมโยง อีกทั้ง ยังประสานระหว่างประเทศร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศต้นทาง คือ จีน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานในการตรวจสอบ และดำเนินคดี
สำหรับกระบวนการส่งคนกลับมายังฝั่งไทย ต้องปฎิบัติงาน “กลไกการส่งต่อระดับชาติ” (Nationl Referral Mechanism-NRM) ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ส่วนที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้เสียหาย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ตั้งศูนย์คัดแยกและคุ้มครองผู้เสียหายในพื้นที่ต่างๆ
หลิวจงอีได้ยกเว้นกม.คนเข้าเมือง
ส่วนเสียงวิจารณ์การเดินทางเข้า-ออกของนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีนว่า ทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลเป็นผู้ประสานงานนั้น โฆษกกระทรวงกลาโหมอธิบายว่า การส่งตัวชาวจีนที่ตกเป็นเหยื่อจากขบวนการค้ามนุษย์ เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย รัฐบาลเมียนมา และรัฐบาลจีน มีการประสานงานใกล้ชิดทุกขั้นตอน และนายหลิว จงอีเป็นบุคคลที่รัฐบาลจีนโดยความเห็นขอบของรัฐบาลไทย ให้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่หรือภารกิจในราชอาณาจักร ตามมาตรา 15 (3) ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 11 และมาตรา 18 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
“สรุปคือ ถ้ารัฐบาลจีนส่งมา แล้วรัฐบาลไทยอนุญาต ก็สามารถเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลไทยเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ส่วนการข้ามแดนจากไทยไปเมียนมา จากเมียนมากลับมาไทย มีมาตรา 15 (3) ยกเว้นไว้ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 18 วรรคสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี จนท.ตม.เป็นคนอำนวยความสะดวก พาออกไปแล้วพากลับเข้ามา ไม่ถือเป็นความผิด” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
เข้าใจจีน-พม่าคุยตรงเร่งกระบวนการ
และว่า ในการเจรจาระหว่างรัฐบาลจีนและเมียนมา รัฐบาลไทยเข้าใจความจำเป็นที่จีนต้องดำเนินการโดยตรงกับรัฐบาลเมียนมา เพื่อเร่งรัดกระบวนการช่วยเหลือและส่งตัวพลเมืองของตนกลับประเทศ แต่รัฐบาลไทยมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ บริหารจัดการที่จุดรับส่งที่ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 และท่าอากาศยานแม่สอด
“โรม”อุบข้อมูล“ท่า”ที่ต้องจับตา
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศนำคณะไปสังเกตการณ์และเก็บข้อมูลกระบวนการส่งออกสินค้าที่ท่า 34 ท่าศาลเจ้า ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าที่ใหญ่ที่สุดในแม่สอด และเป็น 1 ใน 3 ท่าที่มีศักยภาพส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านสายส่ง แต่ให้ความร่วมมือรัฐบาลไทยงดส่งน้ำมันว่า ท่าแห่งนี้ยังขนส่งวัสดุก่อสร้างและสินค้าอื่นตามปกติ เพราะรัฐบาลไม่สั่งห้าม และความตั้งใจของเราเพื่อหาหนทางให้ท่าเหล่านี้เป็นท่าที่ถูกใช้เพื่อการค้า ไม่เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องนี้คงต้องคุยกันระหว่างผู้ประกอบการและหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง
นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่พอจะยืนยันได้คือ การตัดน้ำมันสำเร็จอยู่ น้ำมันไม่ได้ถูกส่ง เจ้าของท่าก็ยืนยัน แต่เรามีข้อมูลท่าที่ต้องจับตามอง แต่ยังเปิดเผยข้อมูลไม่ได้ โดยฝ่ายความมั่นคงก็จับตามองเพราะมีข้อมูลเช่นกัน
ปูดข้อมูลส่งออกสารทำยาเสพติด800ตัน
“ของบางอย่างอาจไม่ผิดกฎหมายประเทศไทย แต่อาจถูกนำไปใช้เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เติบโต อาจเป็นได้ตั้งแต่โซลาร์เซลล์ สตาร์ลิงก์ แม้กระทั่งปูนซีเมนต์ ดังนั้น การที่เราจะหยุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่การดูว่าสิ่งที่ส่งไปนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ต้องดูไปถึงรายละเอียดว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เอาสิ่งเหล่านั้นไปใช้เพื่อให้ตัวเองใหญ่ขึ้น มีศักยภาพการหลอกคนอื่น นอกจากนี้ เมื่อวานเราได้รับข้อมูลว่าอาจมีเคมีภัณฑ์ที่ถูกส่งออกเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด อาจมีจำนวนสูงถึง 800 ตัน” นายรังสิมันต์กล่าว
จี้ไทยคัดกรองเหยื่อเอง-ล่าไทยเทาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผู้แทนจากทางการจีนเข้าไปจัดการปัญหาฝั่งเมียนมา รังสิมันต์ตอบว่า ตนเข้าใจข้อกังวลของจีนและต้องการปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง แต่ตนก็เชื่อว่าไทยมีศักยภาพจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยตนเอง เราอาจร่วมมือกับต่างประเทศ ดังนั้น รูปแบบความร่วมมือควรเป็นการประสานส่งข้อมูล แต่ไทยเป็นผู้นำปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งคัดกรองว่าใครเป็นเหยื่อ เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าไม่ดำเนินการอะไรแล้วส่งตรงไปเลย คงเป็นปัญหาด้านความมั่นคง จำเป็นที่ไทยต้องเก็บฐานข้อมูล อย่าลืมว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ไทยเป็นทางผ่าน มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือหรือไม่ ต้องถอนรากถอนโคน จากบรรดาทั้งเหยื่อ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อจัดการไทยเทา และอย่าลืมว่าไม่ใช่แค่เมียวดี ยังมีอีกหลายจุด บางจุดมีผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ คนไทย เช่น ปอยเปต รัฐบาลไทยสัมพันธ์ที่ดีมากกับกัมพูชา ควรใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชาด้วย
เมียวดีมีน้ำมันใช้อีกไม่เกินเดือน
“วันนี้เราเห็นทิศทางที่ดีในฝั่งเมียนมา จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากหน่วยงานความมั่นคง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมียนมาจะมีน้ำมันใช้ได้อีกไม่เกิน 30 วัน ถ้าเกินกว่านั้นต้องไปดูว่ามีการลักลอบหรือไม่ เพราะเรามีข้อมูลเหมือนกันว่ามีความพยายามลักลอบ หน่วยงานความมั่นคงต้องสร้างความมั่นใจว่าการลักลอบส่งน้ำมันจะไม่เกิดขึ้น แต่เราจะดูแค่ฝั่งเมียนมาไม่ได้ ต้องดูทั้งกัมพูชาและลาวด้วย” นายรังสิมันต์ กล่าว
จี้ถามทวีตอบปมหมายจับหม่องชิตตู
นายรังสิมันต์ยังฝากถามรมว.ยุติธรรมว่าตกลงการออกหมายจับหม่องชิตตู ถึงไหนแล้ว เพราะทั่วโลกก็เห็นอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับความผิดหลายอย่าง ไทยเก็บและมีข้อมูลมาตลอดว่าหม่องชิตตูเกี่ยวข้องกับการก่อกรรมทำเข็ญกับคนจำนวนมากแค่ไหน ถ้าจะไม่สามารถออกหมายจับ เรื่องนี้ตนคิดว่าจะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอื่นที่มองไทยแน่นอน ดังนั้น ตนมองว่าการออกหมายจับส่งผลสำคัญต่อความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย
“หลิว จงอี”ถกหม่องชิตตูปราบแก๊งคอลฯ
วันเดียวกัน แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงชายแดนประเทศเมียนมา จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมาตรงข้ามอ.แม่สอด จ.ตากเปิดเผยว่า หลังนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะเดินทางไปจ.เมียวดี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ และวันนี้นายหลิว จงอีมีแผนเดินทางไปจ.เมียวดีอีกครั้ง เพื่อไปติดตามเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามบัญชีดำของฝ่ายจีน คาดว่า จะมีความเข้มข้นในการปฏิบัติการแน่นอน เนื่องจากทางฝ่ายเมียนมาให้ความร่วมมือกับจีนเต็มที่ ตามมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของจีน ล่าสุด ทางการเนปีดอ เมืองหลวงเมียนมา มีคำสั่งห้ามส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากพื้นที่ส่วนในเมียนมาไปจ.เมียวดีหรือที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ เพื่อบล็อกพื้นที่ให้หมด
รายงานข่าวจากฝ่ายความคงของเมียนมาแจ้งว่า นายหลิวจงอี มีแผนที่พบกับพลตรี ชิต ตู่ เลขาธิการบีจีเอฟ(กองกำลังพิทักษ์ชายแดน) หรือผู้บัญชาการกองทัพกะเหรี่ยงแห่งชาติในจ.เมียวดีวันนี้ (17 ก.พ.) โดยจะหารือความร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สำหรับตัวเลขชาวต่างชาติในพื้นที่จีนเทา ที่ฝ่ายกะเหรี่ยงบีจีเอฟช่วยออกมาอยู่ที่ประมาณ 1,000 คน โดยนำไปรวมไว้ที่สนามฟุตบอลในเมียวดี และนายหลิว จงอีจะเข้าไปดูด้วยตัวเอง
เยี่ยมเหยื่อ300ชีวิตช่วยจากชเวโก๊กโก่
วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. (ตามเวลาเมียนมา) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายหลิว จงอี พร้อมคณะ เดินทางมาที่ศูนย์บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF โดยมีพล.อ. Aung Kyaw Kyaw ตัวแทนรัฐบาลเมียนมาร่วมต้อนรับ และนำนายหลิว จงอี เยี่ยมชาวต่างชาติที่ BGF ช่วยเหลือออกจากชเวโก๊กโก่ และนำมารวมกันที่ศูนย์พักคอยที่ศูนย์บัญชาการ BGF ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 300 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน มาเลเซีย ปากีสถาน อินเดีย เคนยา และรวันดา
ทั้งนี้ นายหลิว จงอี เดินทางมาจากอ.แม่สอด จ.ตาก ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของทหารเมียนมา และกองกำลัง BGF โดยฝ่ายไทยมี พ.ต.อ. เพลิน กลิ่นพยอม รักษาการผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก และพล.อ. ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กลาโหมมาร่วมติดตามจำนวนชาวต่างชาติ เพื่อเตรียมส่งผ่านประเทศไทยด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมา มาทำการคัดกรองจัดทำบัญชีรายชื่อเตรียมส่งกลับประเทศต้นทาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี