‘ตำรวจสอบสวนกลาง’เปิดปฏิบัติการ TAKE DOWN MAFIA ยานรก‘ตรัง-ท่าขี้เหล็ก’ ทลายแก๊ง‘บอล เขาวิเศษ’
19 กุมภาพันธ์ 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. , พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. , พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. , พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย , พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย , พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ และ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย กก.6 บก.ป. , กก.6 บก.ปทส. , ส.รน.2 กก.9 บก.รน. และกก.สส.ภ.จว.ตรัง นำกำลังลงพื้นที่จับกุมเครือข่าย “บอล เขาวิเศษ” แก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่
สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายให้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามจับกุมเครือข่ายยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงกลุ่มนายทุนสีเทาต่างๆที่แฝงตัวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ต่างก็มีอิทธิพลแผ่ขยายมายังประเทศไทย เกิดการกระทำความผิดต่างๆ ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ปัญหาค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติด
บช.ก. โดย กก.6 บก.ป. ตรวจสอบปัญหาในพื้นที่รับผิดชอบ พบว่า ในพื้นที่ จ.ตรัง และจังหวัดข้างเคียง ได้รับผลกระทบจากเครือข่ายยาเสพติดที่มีหัวหน้าขบวนการคือ “นายปราโมทย์ หรือ บอล เขาวิเศษ” ซึ่งได้หลบหนีคดีจ้างวานฆ่าไปซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา แต่ยังคงควบคุมสั่งการให้ลูกน้องในพื้นที่ทำการแพร่กระจายยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มีพฤติการณ์ในการใช้ จ้างวาน ให้กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ จ.ตรัง ไปติดตามทวงหนี้ค่ายาเสพติด ด้วยวิธีการที่รุนแรง เช่น การยิงบ้าน ยิงรถ หรือยิงตัวลูกหนี้ที่ติดค้างเงินค่ายาเสพติด เป็นต้น
จาการตรวจสอบ พบว่า ในพื้นที่ จ.ตรัง ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน มีเหตุยิงบ้าน ยิงรถ และยิงคน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดค้างเงินค่ายาเสพติดมากถึง 61 คดี บางคดีก็รู้ตัวผู้กระทำความผิด บางคดีก็ไม่ทราบ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต่างหวาดกลัวอิทธิพลของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. จึงได้สืบสวนติดตามเครือข่ายยาเสพติดนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสาวให้ถึงตัวคนบงการอยู่เบื้องหลัง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าทำการจับกุมตัว นายอนุกูล หรือหมู หนึ่งในเครือข่ายยาเสพติดของนายปราโมทย์ฯ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 20,152 เม็ด โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอม-เฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพัก หมู่ 5 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง จากการซักถาม นายอนุกูลหรือหมู ให้การว่า ยาบ้าของกลางที่ถูกตรวจยึด มีแหล่งที่มาจากผู้ค้ายาเสพติด 2 เครือข่ายหลัก ได้แก่
1.ยาบ้าของกลาง จำนวน 152 เม็ด ซื้อมาจากเครือข่ายยาเสพติด นายปราโมทย์ฯ เดิมได้ซื้อมา จำนวน 14,000 เม็ด ในราคา 126,000 บาท ก่อนจะทยอยจำหน่ายให้ลูกค้า จนเหลือยาบ้า จำนวน 152 เม็ด
2.ยาบ้าของกลาง จำนวน 20,000 เม็ด ได้ซื้อมาจาก เครือข่ายยาเสพติด นายณัฐนนท์ หรือหล่อ (สงวนนามสกุล) ในราคา 170,000 บาท
กก.6 บก.ป. ได้สืบสวนคดีนี้มาโดยตลอด และพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดขนาดใหญ่ ซึ่งมีการสมคบ วางแผน และแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ ในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม โดยมีหัวหน้าขบวนการคือนายปราโมทย์ฯ ซึ่งเป็นผู้ร้ายรายสำคัญ เคยก่อเหตุคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่จังหวัดตรัง ก่อนจะหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปยังบริเวณชายแดนประเทศไทยกับประเทศเมียนมา ทางรอยต่อของจ.เชียงราย หลังจากนั้นได้ร่วมมือกับเครือข่ายประเทศเพื่อนบ้าน ลำเลียงยาเสพติดมาจำหน่ายในจ.ตรัง โดยใช้เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่เป็นตัวแทนจำหน่าย หากผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยไม่สามารถชำระเงินค่ายาเสพติดตามกำหนด กลุ่มผู้กระทำผิดจะใช้กำลังข่มขู่ คุกคาม หรือถึงขั้นใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้าน เพื่อสร้างความหวาดกลัวและกดดันให้ชำระหนี้ เป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน
สำหรับยาบ้าของกลาง จำนวน 152 เม็ด จากการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่า นายอนุกูลฯ ได้สั่งซื้อยาบ้า จำนวน 14,000 เม็ด ในราคา 126,000 บาท มาจาก นายปราโมทย์ฯ ก่อนที่จะจำหน่ายให้ลูกค้าจนเหลือ 152 เม็ด โดย นายปราโมทย์ฯ เป็นผู้สั่งการให้ นายชัยชนะฯ นำยาเสพติดมามอบให้ นายอนุกูลฯ จากนั้น นายอนุกูลฯ จึงได้โอนเงินชำระค่ายาเสพติดไปให้บัญชีธนาคารที่ นายปราโมทย์ฯ เป็นผู้ครอบครอง โดยใช้บัญชีธนาคารที่เปิดในชื่อ นายเจษฎาฯ
หลังจากนั้นปรากฏว่าเส้นเงินค่ายาเสพติดดังกล่าวถูกโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารที่เปิดในชื่อนางสาวเกศกานต์ฯ และมีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีที่เปิดในชื่อ นายกิติศักดิ์ฯ ก่อนจะโอนไปยังบัญชีที่เปิดในชื่อนายจายฯ ซึ่งเป็นลักษณะของการยักย้าย ถ่ายโอน ซ่อนเร้น และปิดบังแหล่งที่มาของเงินค่ายาเสพติด
นอกจากนี้ ยังพบบัญชีธนาคารอื่นที่ถูกใช้ในการรับเงินค่ายาเสพติดของนายปราโมทย์หรือบอล ได้แก่บัญชีที่เปิดในชื่อ นางสาวกรินทร์รัตน์ฯ และบัญชีที่เปิดในชื่อ นายณัฐพรฯ โดยบัญชีเหล่านี้มีผู้ครอบครองบัตรเอทีเอ็ม ได้แก่ นายชาญวิชหรือนัยฯ และนายสุทธินันท์หรือตั๊ก ซึ่งมีหน้าที่ถอนเงินสดออกจากบัญชีดังกล่าว รวมถึงทำหน้าที่ติดตามทวงหนี้ค่ายาเสพติดให้ นายปราโมทย์หรือบอล
ภายหลังที่นายชาญวิชหรือนัย และ นายสุทธินันท์หรือตั๊ก ได้ถอนเงินสดจากบัญชียาเสพติดเหล่านี้แล้ว ได้มีการฝากเงินดังกล่าวไปยังบัญชีของบุคคลใกล้ชิด ตามสั่งการของนายปราโมทย์ฯ ประกอบด้วย นางสาวมุขดารินทร์ฯ เกี่ยวข้องเป็นภรรยาของนายสุทธินันท์หรือตั๊ก, นางสาวธัญชนกหรือจอย และ นางสาวธิยานันท์ฯ เกี่ยวข้องเป็นภรรยาของ นายปราโมทย์หรือบอล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางสาวธัญชนกหรือจอย ภายหลังได้รับเงินมาแล้ว ได้มีการถอนเงินสดในพื้นที่จังหวัดเชียงราย แล้วมีการเดินทางข้ามพรมแดนไปยังพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวน่าเชื่อว่าเป็นการถอนเงินสด เพื่อนำไปมอบให้นายปราโมทย์หรือบอล ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนีคดีอุกฉกรรจ์และคดียาเสพติดไปอยู่บริเวณพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
ต่อมาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ นายปราโมทย์หรือบอล กับพวกรวม 16 คน ในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด, สมคบฯ และฟอกเงิน จึงนำมาสู่ปฏิบัติการในวันที่ 18 ก.พ.68 ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.6 บก.ป. ได้สนธิกำลังร่วมกับ กก.6 บก.ปทส., ส.รน.2 กก.9 บก.รน. และ กก.สส.ภ.จว.ตรัง เปิดปฏิบัติการ “TAKEDOWN MAFIA ยานรก ตรัง-ท่าขี้เหล็ก” ปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย ในพื้นที่ จ.ตรัง , นครศรีธรรมราช , กระบี่ และนครปฐม รวมทั้งสิ้นจำนวน 21 จุด และสามารถจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้ง 11 ราย ดังนี้
ข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
+ สมคบฯ ร่วมกันมีไว้ในครองครองและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยเป็นหัวหน้าผู้มีหน้าที่สั่งการโดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปโดยมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรมเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน,ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
+ ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
+ บัญชีม้า ยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซิมการ์ดโทรศัพท์ซึ่งตนได้เปิด จด หรือลงทะเบียนไว้แล้ว โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่า จะนำไปใช้ในการกระทำความผิดทางอาญาอื่นใด พร้อมตรวจยึดของกลาง เช่น เงินสด , ลานเทปาล์ม , ทองคำ และรถยนต์ เป็นต้น มูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดและเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคาร รวมประมาณ 20 ล้านบาท จากการสอบถามปากคำกลุ่มผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพ 1 ราย ปฏิเสธ 10 ราย ///-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี