ฝากขังแล้ว สองยายหลาน ขายบุหรี่ไฟฟ้า-น้ำท่อมให้ นักกเรียนจนถูกหามส่ง รพ.รวม 8 ราย ด้านผู้การฯ สั่งทุกท้องที่ ตรวจเข้มป้องกันลักลอบจำหน่าย ตำรวจ สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ส่งฝากขังแล้วสองยายหลาน แอบขายบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำกระท่อมให้นักเรียน จนถูกหามส่ง รพ.ด้วยอาการแน่นหน้าอก อาเจียน สะสมรวม 8 ราย ล่าสุดยังรักษาตัวที่ รพ. 3 ราย ขณะผู้การฯ บุรีรัมย์ สั่งทุกโรงพักออกตรวจเข้มร้านค้าใกล้สถานศึกษาป้องกันลักลอบจำหน่าย หากพบจับดำเนินคดีตาม กฎหมาย
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ ห้องเช่า 1 คูหา ซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนแห่งหนึ่งในดอนมนต์ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ถูกปิดลง หลังจากเมื่อ 2 วันก่อน ตำรวจภูธรสตึก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องเช่าแห่งนี้ ซึ่งพบว่า มีหญิงชราอายุ 84 ปี และนายดาราวิทย์ หลานชาย ลักลอบจำหน่ายน้ำกระท่อมให้กับนักเรียนและเยาวชน โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดน้ำกระท่อมมากกว่า 60 ขวด บุหรี่ไฟฟ้า 3 ชิ้น ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปดำเนินคดี โดยวันนี้ได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเช่าซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนที่นักเรียนถูกหามส่ง รพ.พบว่าห้องถูกปิดล็อกกุญแจไว้ หลังจากที่สองยายหลานซึ่งเป็นผู้เช่าอาศัยถูกจับกุมเนื่องจากลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อม
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านที่ใกล้เคียง ต่างให้ข้อมูลตรงกันว่า สองยายหลาน มาเช่าห้องเป็นที่อยู่อาศัยได้ประมาณ 2 ปี ไม่ได้เปิดเป็นร้านขายของชำ ที่ผ่านมา ไม่มีใครเคยรู้มาก่อนว่าทั้งสองแอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อมให้กับนักเรียน เพิ่งมารู้ข่าวตอนที่ตำรวจเข้ามาจับกุม
สำหรับอาการป่วยของนักเรียนหญิง 3 คน ชั้น ป.5, ป.6 และ ม.2 พบว่า มีอาการอาเจียน และแน่นหน้าอก จากการดูดบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมมาเป็นเวลานาน ขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล สตึก 2 ราย ส่วนอีกคนถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
นายแพทย์ พิเชษฐ์ พืชขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยถึงอาการของนักเรียนหญิงที่ดูดบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมมาเป็นเวลากว่า 2 ปี พบว่า ปอดจะมีสีขาวปะปน โดยปกติแล้วคนทั่วไปจะมีปอดเป็นเนื้อโทนสีดำ ยังคงให้ออกซิเจน ยาป้องกันปอดอักเสบ และยาปฏิชีวนะเพื่อป้องการติดเชื้อ ภาพรวมผู้ป่วยอาการดีขึ้น แต่ยังคงให้ยาจนครบเพื่อฟื้นฟูสภาพปอด และสังเกตอาการ 3-5 วัน จึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
สำหรับการฟื้นฟูสภาพปอดของผู้ป่วยหลังกลับบ้าน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน ไม่สามารถบอกได้ว่า ปอดจะกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ เพราะการดูดบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานานอาจมีผลข้างเคียงโดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ ซึ่งครอบครัวจะต้องช่วยกันดูแลไม่ให้บุตรหลานกลับไปดูดบุหรี่หรือดื่มน้ำกระท่อมอีก
ขณะที่ พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ ก็ได้สั่งการให้ทุกโรงพัก ออกกวดขันตรวจเข้มร้านค้าโดยเฉพาะใกล้สถานศึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำกระท่อม หากพบให้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย
ซึ่งวันนี้สถานีตำรวจภูธรสตึก ก็ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ออกสุ่มตรวจร้านขายของชำ ใกล้สถานศึกษาในเขตเทศบาลตำบลสตึก เพื่อป้องกันการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อม แต่ยังไม่พบร้านค้ากระทำความผิด พร้อมทั้งจะได้ออกรณรงค์ให้ความรู้ถึงโทษและพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำกระท่อมทั้งกับประชาชน และตามสถานศึกษาด้วย
สำหรับในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนหน้านี้ก็มีการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้ากับเด็กนักเรียนในหลายโรงเรียน รวมทั้งจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายหลายอำเภอ อาทิ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ , ละหานทราย , ปะคำ และอำเภอสตึก โดยเฉพาะตำบลดอนมนต์ พบว่าเจ้าหน้าที่ รพ.สต.นำส่งผู้ป่วยจากการดูดบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อมมาสะสมรวม 8 เคส ในจำนวนนี้ต้องแอดมิทโรงพยาบาล 3 เคส
เหตุการณ์ที่นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ 3 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากการดูดบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำดื่มกระท่อม บางรายติดสารเสพติดมานานกว่า 2 ปี จนเรียกได้ว่าอยู่ในภาวะปอดหาย ขณะนี้ทั้ง 3 ราย ยังคงให้ออกซิเจนและให้ยาป้องกันปอดอักเสบ แต่ทำไมนักเรียนถึงเข้าถึงสารเสพติดเหล่านี้ได้ง่าย เพราะว่าจุดจำหน่ายอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี