พ่อค้าแม่ค้าทนแบกรับต้นทุนน้ำมันปาล์มไทยแพงขึ้นเท่าตัวไม่ไหา แห่ไปซื้อจากฝั่งมาเลเซียแทน หลังราคาถูกกว่ามาก แถมมีคุณภาพใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยลดต้นทุนในสภาวะเศรษฐกิจไม่ดีและช่วยเหลือประชาชนโดยยังขายราคาเดิมไม่มีการขึ้นราคาแต่อย่างใด

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาน้ำมันปาล์มของไทยขนาดขวดลิตร ราคาอยู่ที่ขวดละ 68-70 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงมาก สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องใช้น้ำมันในการค้าขายจำพวกทอด ที่ต้องใช้น้ำมันเป็นจำนวนมาก วันละกว่า 10 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนและลดกำไรลง ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องหันมาหาทางออกเพื่อลดต้นทุน ไปใช้น้ำมันปาล์มจากมาเลเซียแทนน้ำมันปาล์มของไทยเนื่องจากมีราคาถูกกว่า โดยราคาน้ำมันปาล์มมาเลเซียขนาด 1 กิโลกรัม 1 ลังมี 12 กิโลกรัม ราคา อยู่ที่ 670 - 680 บาท เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ ประมาณ 57 บาท ซึ่งถูกกว่าน้ำมันปาล์มของไทย ประมาณ 10 กว่าบาท

จากการนำมาใช้ทอดก็มีคุณภาพใกล้เคียงกัน เหมือนน้ำมันปาล์มไทยเกรดเดียวกัน แต่ราคาถูกว่ามาก ทำให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถลดต้นทุนลงได้ ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ และยังพอมีกำไรอยู่บ้าง อีกทั้งจะต้องขายสินค้าในราคาปกติ ให้กับลูกค้า ในช่วงที่น้ำมันปาล์มแพง ซึ่งลูกค้าทุกคน ต่างก็เข้าใจ และเห็นใจแม่ค้า เช่นเดียวกัน

จากการพูดคุยกับแม่ค้าพ่อค้า ที่ต้องใช้น้ำมันในการทอดในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณภาพน้ำมันปาล์มมาเลเซียใกล้เคียงกับน้ำมันปาล์มไทย แต่ราคาถูกกว่ามากอย่าง เช่น   ร้านข้าวเหนียวหมูทอดห่อใบตอง บริเวณปากทางเข้าตลาดทรัพย์สิน พลาซ่า ตรงข้ามไปรษณีย์สงขลา ที่ต้องใช้น้ำมันปาล์มในการทอดหมูและไก่ทอด ร้านกล้วยทอด กระทะใบบัว 2 ใบ หน้าวัดสระเกศ ตรงข้างโรงเรียนวรนารีเฉลิมสงขลา ที่ใช้น้ำมันในการทอด ทั้ง 2 กระทะ เป็นจำนวนมาก

ส่วนร้านป้าอร ร้านดังเมืองสงขลา ปากทางเข้าสวนสัตว์ ที่หันมาใช้น้ำมันปาล์มมาเลเซีย แทนน้ำมันปาล์มไทย บอกว่า เพื่อลดต้นทุนลงมา เนื่องจากยังคงขายราคาเดิม ไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับร้านข้าวเหนียวไก่ทอด น้องส้มโอ ร้านดังเมืองสงขลา บริเวณปากซอย 9 วชิรา ถนนทะเลหลวง ได้หันมาใช้น้ำมันปาล์มมาเลเซียแทนน้ำมันปาล์มไทยเช่นเดียวกัน เพื่อความอยู่รอด เนื่องจากข้าวเหนียวไก่ทอดยังขายราคาเดิมอยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาน้ำมันจะแพงก็ตาม แต่ในครั้งนี้สู้ไม่ไหว จึงจำเป็นต้องลดต้นทุนลงมา ทำให้ยังพอมีกำไรอยู่บ้าง แม้ไม่มากแต่ก็สามารถช่วยลดต้นทุนลงมาได้

อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันปาล์มของไทย ยังไม่มีการแก้ไขให้ราคาลดลงมาเหมือนเดิมก็จะส่งผลกระทบกับร้านค้าที่สั่งน้ำมันปาล์มของไทยมาขายก็จะขายไม่ได้ จะไม่มีประชาชนเข้าไปซื้อเนื่องจากมีราคาแพง อีกทั้งประชาชนในจังหวัดสงขลา มีตัวเลือกก็จะหันมาใช้น้ำมันปาล์มของมาเลเซียที่มีราคาถูกกว่าแทนน้ำมันปาล์มของไทยเพราะมีคุณภาพใกล้เคียงกัน เหมือนเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ จึงอยากขอให้รัฐบาลเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ด้วย