ตร.บุกรวบเจ้าของร้านค้าแสบ ปล่อยเช่าเครื่องรูดบัตรให้แก๊งจีนรูดบัตรที่ฉกได้จากล็อกเกอร์สปาหรู ยอมรับได้ค่าตอบแทนหลายแสนบาท

22 ก.พ.68 ​เจ้าหน้าตำรวจ นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ธนบดี ดวงจิตต์ สว.กก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.​ร่วมกันจับกุม นางวิยะดาฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.210/2568 ลงวันที่ 19 ก.พ.68 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นนั้นเข้าไปโดยประการใดๆ ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด” จับกุมที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.12 ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2568 ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ กรณีได้ถูกคนร้ายขโมยเอาบัตรเครดิตของผู้เสียหาย ซึ่งเก็บไว้ภายในล็อกเกอร์สปาออนเซ็นหรูในย่านทองหล่อ โดยพบว่า บัตรดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้จ่ายผ่านเครื่องรูดบัตรร้านค้าต่างๆ จำนวนเงินหลายแสนบาท ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้จับกุมผู้ก่อเหตุขโมยเอาบัตรเครดิตไปก่อนหน้านี้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลโดยตรวจสอบเส้นทางการเงิน ภายหลังจากที่มีการรูดบัตรพบว่า หลังจากธนาคารได้จ่ายเงินเข้าบัญชีที่ผูกไว้กับเครื่องรูดบัตรแล้วนั้น ได้มีการแบ่งโอนต่อไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายก่อนจะถอนเงินนำมาแบ่งกันในกลุ่ม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม

​ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวนางวิยะดาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่บริเวณหน้าบ้านใน ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัยจ.มหาสารคาม เนื่องจากทางผู้ต้องหาได้ปล่อยเช่าเครื่องรูดบัตร (EDC) ให้กับกลุ่มคนร้าย จากการตรวจสอบพบว่าเครื่องรูดบัตร (EDC) ของร้านดังกล่าว ได้ถูกกลุ่มคนร้ายนำไปรูดแล้วรวมกว่า 9 แสนบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยให้การว่า ได้ปล่อยเช่าเครื่องรูดบัตร (EDC) ให้กับกลุ่มแก๊งชาวจีนจริง โดยมีการติดต่อผ่านหญิงสาวซึ่งเป็นแฟนของหนึ่งในกลุ่มแก๊งคนจีนกลุ่มดังกล่าว โดยตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นเงินจำนวน 15% จากยอดการรูดบัตรเครดิตที่ธนาคารจ่ายให้ โดยให้หักออกจากเงินที่ธนาคารโอนเข้ามา ส่วนเงินที่เหลืออีก 85% โอนไปเข้าบัญชีของกลุ่มคนร้าย ทั้งนี้ ปฏิเสธว่าตนเองไม่ทราบว่า ถูกนำเครื่องไปใช้ก่อเหตุดังกล่าว และปัจจุบันไม่สามารถติดต่อกลุ่มแก๊งชาวจีนดังกล่าวได้แล้ว โดยรับว่าตั้งแต่ให้เครื่องไปได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งสิ้นประมาณ 130,000 บาท เนื่องจากช่วงดังกล่าวกิจการของตนไม่ค่อยดีจึงยอมให้เครื่องรูดบัตรกับกลุ่มคนร้ายไป