อุตุฯเตือนภัย
อากาศแปรปรวน
ลุ้นพายุลูกเห็บ
ช่วง23-25ก.พ.
กรมอุตุฯ เตือนช่วง 23-25 กุมภาพันธ์นี้ สภาพอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลงฝุ่น ด้านฝุ่น PM 2.5 ยังเกินมาตรฐานบางจังหวัด ขณะที่ กทม. มีแนวโน้มลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสีส้ม 9 ขณะที่ฝนกระหน่ำ น้ำป่าถล่มไทรโยค บ้านเรือนพัง 70 หลังคา
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ กรมอุตุนิยมวิทยา เผยลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบกับมีลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือและด้านตะวันตกของภาคกลาง ลักษณะเช่นทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนตอนกลางวันในภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 23-25 ก.พ. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตกบางแห่งในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ กับมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณทีมีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบนอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างมาก โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง และมีฝนลดลงในบางพื้นที่
ด้านศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ เมื่อเวลา 07.00 น. สรุปดังนี้ ภาพรวมปริมาณ PM 2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน จ.ปทุมธานี กรุงเทพฯ จ.เชียงราย จ.น่าน จ.เชียงใหม่ จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.เพชรบูรณ์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.ปราจีนบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา
ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 8 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 17.7 - 50.6 มคก./ลบ.ม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 14.8 - 31.9 มคก./ลบ.ม.ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 24.6 - 50.3 มคก./ลบ.ม.ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 17.6 - 52.8 มคก./ลบ.ม.ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 8.2 - 14.8 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐาน 11 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 18.0 - 45.0 มคก./ลบ.ม.
ขณะที่ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ในช่วง 23.3 - 44.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยมีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 9 พื้นที่ คือ
1. เขตบางนา บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 44.4 มคก./ลบ.ม.2. เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.3. เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน บางจาก ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 41.8 มคก./ลบ.ม.4. เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม.5. เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม.6. เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม.7. เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 39.4 มคก./ลบ.ม.8. เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 38.6 มคก./ลบ.ม.9. เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 38.3 มคก./ลบ.ม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงระหว่างเวลา 17.00-20.00 น.คืนวันที่ 21 ก.พ.68 ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันในพื้นที่ ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เป็นเหตุทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 75 หลังคาเรือน สะพานขาด 2 แห่ง
โดยนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับรายงานจากนายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยคว่า สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าวประกอบด้วยพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.บ้องตี้ น้ำป่าไหลหลากเข้าบ้านเรือนประชาชน 30 หลังคาเรือน สะพานขาด 2 แห่ง
หมู่ที่ 2 ต.บ้องตี้ น้ำป่าไหลหลากเข้าบ้านเรือนประชาชนประมาณจำนวน 30 หลังคาเรือน และมีผู้ติดอยู่ภายในบ้าน จำนวน 2หลัง แต่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย
หมู่ที่ 3 สะพานข้ามลำห้วยขาด 1 แห่ง น้ำไหลหลากเข้าบ้านเรือนประชาชน ประมาณ 10 หลังคาเรือน และหมู่ที่ 4 น้ำไหลหลากเข้าบ้านเรือนประชาชนประมาณ 4-5 หลังคาเรือน แต่ไม่ได้รับความเสียหาย
โดยนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค นำเจ้าหน้าที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ (กอปภ.อ.) รวมถึงเจ้าหน้าที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(กอปภ.อปท.) และหน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าสำรวจความเสียหายแล้วรายงานสถานการณ์ให้ทราบเป็นการเร่งด่วนเพื่อจะได้ช่วยเหลือประชาชนให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ห้องปฏิบัติการเฝ้าระวังและเตือนภัยน้ำหลาก-ดินถล่ม กองวิจัย พัฒนาและอุทกวิทยา (กวพ.)กรมทรัพยากรน้ำ (ทน.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แจ้งข้อมูลการเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 19.55 น.เตือนภัยวิกฤติ (สีแดง)พื้นที่บ้านทุ่งมะเซอย่อ ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 140.5 มิลลิเมตร ปริมาณฝนสะสม 15 นาที 0.5 มิลลิเมตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี