เหยื่อสาวถูกหลอกไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปต หนีรอดได้หวุดหวิด หลังถูกบังคับเปิดบัญชีในไทย เผยทำงานเหมือนตกนรก มีคนกว่าพันคนจากหลายประเทศถูกหลอกไปทำงาน
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 จากกรณี น.ส.แบม (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ชาวบ้านบัวตะเคียน ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ แอบวีดีโอคอลจากประเทศกัมพูชา ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนให้หาเงินจำนวน 700 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 30,000 บาทไทย เพื่อไถ่ตัวเองกลับบ้าน ระบุว่าถูกหลอกมาทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่ฝั่งประเทศกัมพูชา แต่กลับถูกบังคับทำงานตั้งแต่ตอนเช้ายัน 5 ทุ่มทุกวัน หากทำไม่ได้จะโดนกระบอกไฟฟ้า หรือเปลี่ยนสายงาน หรืออาจจะถูกส่งขายต่อ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา น.ส.สมหวัง (นามสมมุติ) อายุ 71 ปี ชาวบ้านบัวตะเคียน ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 16.00 น.หลานสาว คือ น.ส.แบม ได้ถูก น.ส.เอ๋ย อายุ 29 ปี ชาวบ้านดอนขวาง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ชักชวนให้หลานสาวเดินทางไปทำงานที่ จ.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งเกรงว่าหลานสาวจะถูกหลอกไปทำงาน และอาจเกิดอันตราย จึงได้มาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัว เพราะเกรงว่าจะถูกหลอกลวงไป เพราะติดต่อหลานสาวไม่ได้
ต่อมา พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิศิษฏ์ บัวสง่าวงศ์ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เร่งสืบสวนหาข้อมูลพยานเพิ่มเติม ได้ข้อมูลว่า พบตำแหน่งพิกัดที่ส่งมาให้เป็นลักษณะอาคารแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ
กระทั่งล่าสุดวันนี้ (23 ก.พ.68) ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้รับรายงานจากตำรวจ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่าได้มี น.ส.แบม ที่ยายเคยแจ้งความเอาไว้ วิ่งมาร้องขอความช่วยเหลือที่ สภ.คลองลึก พร้อมกับชายชาว จ.สุรินทร์ ขอให้ช่วยเหลือ อยากกลับบ้าน ตำรวจได้ดูแลปลอดภัยแล้ว
ต่อมา พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดย น.ส.แบม ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดว่า ตนถูกชักชวนจาก น.ส.เอ๋ย คนตำบลเดียวกัน ให้ไปทำงานเกี่ยวกับบ่อนที่ปอยเปต จะได้เงินเดือน 28,000 บาท จึงตัดสินใจไปคนเดียว โดยมีรถแท็กซี่มารับถึงบ้านที่เฉลิมพระเกียรติ จากนั้นจะมีคนมารับต่อข้ามประเทศไปฝั่งกัมพูชา
พอไปถึงที่ทำงานพบเป็นพื้นที่กว้างประมาณ 20 ไร่ มีตึกหลายคูหา ไม่ได้ไปทำงานเกี่ยวกับบ่อนแต่อย่างใด แต่รู้ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีบอสใหญ่เป็นชาวจีน มีคนจากหลายประเทศที่เข้าไปทำงานมากกว่า 1,000 คน ตอนแรกตนถูกเรียกให้ไปรับมอบงานเบื้องต้นจะให้ตนทำตัวเป็น Fis faen คือลักษณะให้ตนหลอกชายให้หลงหรือขายบริการ แต่ตนทำไม่ได้เพราะไม่เข้ากับลักษณะของตน
จากนั้นพนักงานให้ตนไปทำตำแหน่งคอลเซ็นเตอร์ คือหลอกคนไทย ซึ่งตนก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ทางพนักงานเหมือนจะไม่พอใจตนที่ทำอะไรไม่ได้ จึงให้ตนทำหน้าที่เป็น SR คือการหลอกคนหรือเพื่อนฝูงมาทำงานที่เดียวกับตน จะได้ค่าคอมหัวละ 8,000 บาท ตนเองก็ทำไม่ได้เช่นกันเพราะไม่กล้าหลอกเพื่อน แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงบังคับให้ตนไปเปิดบัญชีม้า ถ้าไม่ไปจะส่งขายต่อ ตนจึงยอมไปกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่แก๊งให้ข้ามมาฝั่งไทยเพื่อเปิดบัญชี
เมื่อข้ามมาฝั่งไทยเขาให้ตนกับชายอีกคนมารอที่ร้านสะดวกซื้อแล้วจะมีคนมารับ แต่ยังไม่มีใครมา จึงแอบถามคนบริเวณนั้นว่า "โรงพักอยู่ไหน" พอชาวบ้านชี้มือไปบอกว่าอยู่ใกล้ๆ จากนั้นตนกับชายอีกคนที่มาด้วยกัน วิ่งไม่คิดชีวิตไปที่สถานีตำรวจ เพื่อขอความช่วยเหลือดังกล่าว เหตุการณ์ครั้งนี้ยอมรับว่าเข็ดแล้ว จะไม่ขอไปทำงานในลักษณะแบบนี้อีก เพราะมีทั้งกระบองไฟฟ้าและขู่ทำร้าย ทำงานตั้งแต่ 08.00 - 23.00 น.ทุกวัน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี