กลาโหม จับมือ กทม. ขับเคลื่อนโครงการคัดเลือกทหารปลดประจำการบรรจุรับราชการ กทม. อุดช่องโหว่อัตรากำลัง คาดเปิดสมัครรอบแรกปลาย เม.ย.นี้ เข้าสังกัด สปภ.ว่างอยู่
น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) โครงการ 'ความร่วมมือคัดเลือกทหารกองประจำการ ทหารกองหนุน และทหารอาสาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็น ข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ' ระหว่างกรุงเทพมหานคร(กทม.) กับกระทรวงกลาโหม (กห.) โดยมีนางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร และ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ลงนามร่วมกัน ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี กระทรวงกลาโหม
ปลัดกทม. กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในวันนี้ เป็นครั้งแรกในการร่วมมือระหว่างข้าราชการทหาร และข้าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนให้ทหารที่ปลดประจำการ ได้เข้ารับราชการกับกทม. ซึ่งมีความขาดแคลนอัตรากำลังในบางสายงาน ซึ่งต้องการผู้ที่มีศักยภาพและมีพละกำลังและมีวินัย เช่น สายงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) และงานเทศกิจ เป็นต้น เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกทม. และกระทรวงกลาโหม ในการพัฒนาความรู้และทักษะของทหารเพื่อต่อยอดไปสู่การจ้างงาน ทั้งยังส่งเสริมนโยบายสมัครใจเป็นทหารของกระทรวงกลาโหมที่ช่วยฝึกฝนศักยภาพให้บุคคลผ่านการฝึกทหาร เกิดประโยชน์ทั้งกับกระทรวงกลาโหมและกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นการย้ำว่า เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด ทั้งนี้การคัดเลือกอัตรากำลังพลเข้ามานั้นจะเป็นอัตราพิเศษ
ด้านรองผู้ว่าฯกทม. กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ในเบื้องต้นจะเป็นการคัดเลือกกำลังพลเข้ามาเป็นเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สังกัด สปภ. ซึ่งปัจจุบันยังมีตำแหน่งว่างอยู่ 241 ตำแหน่ง ทั้งนี้ การรับกำลังพลในรอบนี้ อาจจะไม่รับเต็มทั้งหมดของตำแหน่งที่ว่างอยู่ ส่วนการคัดเลือกกำลังพลเข้าร่วมโครงการนี้ เบื้องต้นแต่ละเหล่าทัพ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองบัญชาการกองทัพไทย จะคัดกรองบุคลากรที่มีความต้องการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานคร และมีสมรรถนะทั้งร่างกายและจิตใจที่เหมาะสมต่อตำแหน่งที่เปิดรับ เพื่อมาเข้ารับการทดสอบจากทม. คือสอบตรงจากกองทัพ แล้วมาสอบตรงกับกทม.ต่อ เป็นการสอบทั้งสองฝั่ง คาดว่าจะเริ่มต้นการรับสมัครในเดือน เม.ย. นี้ ซึ่งจะมีทหารปลดประจำการ 1 ผลัด
"ข้อได้เปรียบของการได้ทหารมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงอย่างเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะส่งผลดีหลายประการ เนื่องจากทหารมีความแข็งแรง มีระเบียบวินัย และเข้าใจระบบบัญชาการหน้างานเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เหมาะสมกับหน้าที่หลักในการเป็นส่วนหน้าเมื่อเผชิญเหตุ และรวมถึงการปฏิบัติงานชุมชนสัมพันธ์ ดูเรื่องความปลอดภัย จุดเสี่ยงของชุมชน และการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ ในพื้นที่ด้วย" รองผู้ว่าฯกทม.กล่าว
รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวอีกว่า ส่วนการจัดสอบข้อเขียนนั้นต้องมีการหารือกันอีกครั้ง อาจจัดสอบข้อเขียนในกองทัพ หรือที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ซึ่งมีหลักสูตรป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยคาดว่าจะจัดสอบช่วงสิ้นเดือน พ.ค.68 และจะประกาศผลในวันที่ 20 มิ.ย. 68 รวมถึงยังวางแนวทาง จัดหลักสูตรทางการศึกษา ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต่อยอดให้บุคลากรเหล่านี้มีคุณวุฒิสูงขึ้น ส่งเสริมให้วิชาชีพด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีความชำนาญมากที่สุด และให้บุคลากรที่คัดเลือกเข้ามามีความต้องการที่จะอยู่กับกรุงเทพมหานครต่อไปในระยะยาวด้วย
036
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี