‘กองปราบ’หอบสำนวนฆ่า‘สจ.โต้ง’เกือบ 8 พันหน้า พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้อง‘โกทร’กับลูกน้อง ส่งอัยการ ‘อธิบดีอัยการคดีอาญา’สั่งตั้งคณะทำงานพิจารณาสั่งคดีให้ทัน 6 มีนาคม ยันไม่กดดัน พิจารณาสำนวนตามเนื้อผ้า
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 ก.พ.2568 ที่สำนักงานคดีอาญา สำนักอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการตำรวจปราบปราม (รอง ผบก.ป .) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน นำสำนวนการสอบสวนคดีการตายของนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ปราจีนบุรี พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี และลูกน้องใกล้ตัว ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงถล่ม สจ.โต้ง จนเสียชีวิต มาส่งให้กับพนักงานอัยการสำนักงานคนดีอาญา โดยมีนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีการฝ่ายคดีอาญาเป็นผู้รับ
นายสัญจัย กล่าวว่า หลังรับสำนวนตนจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 คน โดยมีรองอธิบดีอัยการและตนในฐานะอธิบดีอัยการคอยกำกับสำนวน ในส่วนระยะเวลาฝากขังฝากสุดท้าย ทางสำนักงานคดีอาญาจะพิจารณาทำคำสั่งให้ทันเพื่อมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ทางอัยการต้องสั่งคดีให้ทัน ในส่วนที่ว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญ และส่วนของผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ตนก็จะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาตามเนื้อผ้า และพยานหลักฐานที่ปรากฏ เรื่องนี้ตนยืนยันว่าไม่ต้องกังวล ส่วนแรงกดดันจากภายนอก ตอนนี้ไม่มีใครกดดันตนมา อัยการจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมาย และอัยการจะดูเนื้อหาว่าคดีมีพยานหลักฐานอย่างไรบ้าง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานการส่งสำนวนคดีอาญาของคดีนี้เข้ามา ซึ่งแม้ไม่มีพนักงานอัยการเข้าไปร่วมสอบสวนและถึงจะมีคนดังก็ต้องว่าไปตามสำนวนการสอบสวน ส่วนไหนที่ไม่ชัดเจน จะมีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนการสั่งสอบสวนเพิ่มจะต้องทำให้ทันภายในระยะเวลากรอบฝากขังเท่านั้น
ทั้งนี้ อัยการจะต้องเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คดีนี้มีการฝากขังผู้ต้องหาที่อยู่ภายใต้อำนาจศาลอยู่แล้ว ถ้าพนักงานอัยการพิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้อง ก็สามารถยื่นฟ้องผู้ต้องหาได้เลย แต่ต้องให้ทันก่อนวันที่ 6 มีนาคมซึ่งครบ 84 วันสุดท้ายของการฝากขัง และตนขอยืนยันว่าทางอัยการยืนยันจะพิจารณคดีนี้อย่างละเอียดรอบคอบที่สุดอย่างแน่นอน
ขณะที่นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1 – 7 ถูกควบคุมตัวและฝากขังไว้ตามคำสั่งศาลอาญา โดยจะครบกำหนด ฝากขัง ครั้งที่ 7 ในวันที่ 6 มีนาคม 2568 ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 จะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 1 ในวันที่ 3 มีนาคม 2568 โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 ตามข้อกล่าวหา คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจติดตามความคืบหน้า เมื่อพนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องพิจารณาสำนวนแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบในโอกาสต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและเอกสารจำนวน 18 แฟ้ม กว่า 7,900 หน้า และได้มีการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง 130 ปาก คดีนี้มีผู้กล่าวโทษ 2 คน คือน.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยาของ สจ.โต้ง และตำรวจ มีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย คือ นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร , นายธนศรัณย์กรณ์ หรือกอล์ฟ ,นายศักดิ์สิทธิ์ หรือตูน ,นายธนภัทร ,นายสิทธิชัย ,นายภัทรนนท์ ,นายอภิสิทธิ์ (ไม่ทราบนามสกุล)และน.ส.มินญารัตน์ หรือ เมย์ ภรรยาของนายธนศรัณย์กรณ์ ผู้ต้องหาที่ 1-8
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ บก.ภ.จว.ปราจีนบุรีและตำรวจภูธรภาค 2 และกองพิสูจน์หลักฐานของปราจีนบุรี ได้ร่วมกันสืบสวนและตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ พบหลักฐานที่สำคัญ เช่น วิถีกระสุน, เขม่าดินปืน, ดีเอ็นเอ, ปลอกกระสุนปืน, หัวกระสุนปืน ทั้งพยานบุคคล และหลักฐานพยานวัตถุ ที่สามารถยืนยันการกระทำความผิดของผู้ต้องหาได้ แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ก็หนีพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้
“โดยเฉพาะการเอาผิด โกทร มีพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าขณะเกิดเหตุนั้น เข้าไปมีส่วนร่วมกับการก่อเหตุ แม้จะอยู่ที่ชั้น 2 ก็ตาม ซึ่งตนมั่นใจว่าพนักงานอัยการจะสั่งคดีทันกำหนดฝากขัง ในวันที่ 6 มีนาคมนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 พบว่าก่อนเกิดเหตุ เป็นคนรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ตายที่อยู่นอกบ้าน ให้ผู้ต้องหาที่ 1-7 ทราบ ที่รอก่อเหตุอยู่ในบ้าน จึงเข้าหลักเกณฑ์ของการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ในทางคดีมีหลักฐานว่าผู้ต้องหาที่ 1-7 ร่วมกันวางแผนก่อเหตุ เหตุจูงใจหลักๆเป็นการขัดแย้งทางการเมือง ในส่วนผู้ต้องหา 1-7 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำเรื่องโอนย้ายผู้ต้องหาชายมาฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 อยู่ในการควบคุมของทัณฑสถานหญิงกลาง” รอง ผบก.ป. กล่าว
รอง ผบก.ป. กล่าวว่า สำหรับตัวของ โกทร และ ลูกสมุน รวม 7 คน ที่ถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะ) โดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันอั้งยี่ซ่องโจร” ส่วน น.ส.มินญารัตน์ หรือ เมย์ ผู้ต้องหารายที่ 8 ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม และถูกจับกุมในภายหลัง เพียงรายเดียว ที่ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “สนับสนุนช่วยเหลือบุคคลอื่นให้กระทำความผิด” //-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี