เร่งหมายจับ‘หม่องชิตตู’
DSIยันหลักฐานเพียงพอ
ส่งเรื่องให้อัยการพิจารณา
ฐานความผิดคดีค้ามนุษย์
รองอธิบดีดีเอสไอส่งหนังสือถึงอัยการค้ามนุษย์ พิจารณาออกหมายจับ “หม่องชิตตู” กับพวกฐานความผิดคดีค้ามนุษย์ หลังได้พยานหลักฐานตามสมควรเพียงพอแล้ว เชื่อใช้เวลาไม่นาน เพราะคุยกันหลายรอบแล้ว
ด้านกกล.บีจีเอฟเผยตัวเลขชาวต่างชาติที่ช่วยมาได้จากแก็งคอลเซนเตอร์ในเมียนมามี 7,141 ราย จาก 29 ประเทศ เป็นคนจีนมาที่สุด 4.8 พันคน เล็งส่งบัญชีรายชื่อเหยื่อให้สถานทูตแต่ละประเทศมารับตัวกลับ
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิต ตู่ กับพวก ฐานความผิดตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติมว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ดีเอสไอได้หารือประเด็นดังกล่าวกับพนักงานอัยการมาตลอด ซึ่งฝ่ายพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่า พยานหลักฐานมีตามสมควรเพียงพอที่จะนำตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการได้ โดยผู้อำนวยการกองคดีค้ามนุษย์ ดีเอสไอ ได้เสนอเรื่องส่งพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมมาแล้ว เพื่อมีหนังสือไปยังอัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยวันนี้ตนจะเสนอพ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ลงนามเอกสารเพื่อส่งอัยการพิเศษ พิจารณาพยานหลักฐานขอให้มีการออกหมายจับ
“จากนั้นต้องรออัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 พิจารณาในส่วนพนักงานอัยการว่าครบถ้วนหรือต้องดำเนินการเพิ่มเติมในประเด็นใดอีกหรือไม่ นอกจากที่ได้หารือกันไว้แล้ว และหากไม่มีอะไรเพิ่มเติม หรือเห็นชอบร่วมกันตามข้อเสนอของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทางปฏิบัติพนักงานอัยการจะมีหนังสือแจ้งว่าเห็นชอบเพื่อตอบกลับมายังดีเอสไอ ส่วนระยะเวลานั้นเชื่อว่าไม่น่าจะนานมากเพราะมีการพูดคุยกันหลายครั้งแล้ว”ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าว
และว่า ตามกฎหมายประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 “ถ้าความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยได้ทำนอกราชอาณาจักรไทย ให้อัยการสูงสุดหรือผู้รักษาการแทนเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบหรือจะมอบหมายหน้าที่นั้น ให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนคนใด รับผิดชอบทำการสอบสวนแทนก็ได้ ฯ” ซึ่งการรวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานอัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีค้ามนุษย์ 1 ต้องร่วมพิจารณาและมีความเห็นร่วมกัน โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องฟังคำแนะนำของพนักงานอัยการเป็นหลัก เพราะถือว่าพนักงานอัยการเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ แต่มอบดีเอสไอทำแทน หากเห็นชอบร่วมกันแล้วพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะเร่งดำเนินการขอศาลออกหมายจับได้ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร (ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร)ได้รับข้อมูลบุคคลต่างชาติจากเมียนมา โดยกองกำลัง BGF ที่ได้รวบรวมจากปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในเมืองชเวโก๊กโก่ เมืองเมียวดี และเมืองเคเคปาร์ค มีจำนวน 7,141 คน จาก 29 สัญชาติ ดังนี้ 1.จีน 4,860 คน 2.เวียดนาม 572 คน 3.อินเดีย 526 คน 4.เอธิโอเปีย 430 คน 5.อินโดนีเซีย 283 คน 6. มาเลเซีย 70 คน 7.ฟิลิปปินส์ 127 คน 8.มาเลเซีย 70 คน 9.ปากีสถาน 78 คน 10.เคนยา 64 คน 11.ไต้หวัน 25 คน 12.เนปาล 17 คน 13.แอฟริกาใต้ 17 คน 14.ยูกันดา 13 คน 15.แอฟริกา 9 คน
16.ศรีลังกา 8 คน 17.อุซเบกิสถาน 8 คน 18.ไนจีเรีย 7 คน 19.กานา 6 คน 20.แคเมอรูน 6 คน 21.บังคลาเทศ 6 คน 22.นามีเบีย 4 คน 23.รวันดา 4 คน 24.ตูนีเซีย 3 คน 25.เชค 2 คน 26.ลาว 1 คน
27.โรมาเนีย 1 คน 28.แอลจีเรีย 1 คน 29.สิงคโปร์ 1 คน โดยฝ่ายเมียนมาจัดทำบัญชีรายชื่อส่งให้สถานทูตแต่ละประเทศ ประสานการเดินทางกลับต่อไป
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีไทยเตรียมผลักดันเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จะทะลักเข้าไทยว่า ตนเข้าใจสถานการณ์วิกฤต เพราะมีเหยื่อและคนร่วมกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ค้างอยู่ประมาณ 7 พันคน กองกำลังอาจไม่มีศักยภาพพอดูแลได้นาน ดังนั้น การจะดึงเข้ามาในไทย เราเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ หมายความว่าต่อให้เขาเป็นเหยื่อหรืออาชญากร เขาสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐฝั่งไทยได้ว่าใครเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลฯบ้าง ตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการทลายแก๊งคอลฯอย่างเป็นรูปธรรมได้ โดยไทยมีเครื่องมือที่ดูดข้อมูลจากโทรศัพท์ได้ และเราก็เสริมทัพใช้บุคลากรสอบถามข้อมูลได้ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในเวลานี้ เพื่อนำไปขยายผลปราบจีนเทา ไทยเทาต่อไปได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี