ตร.แจ้ง2ข้อหาหนัก
โชเฟอร์บัส18ศพ
ขับเร็วโดยประมาท
ทำทรัพย์สินเสียหาย
นายกฯเผยในหลวง ทรงรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถบัสคณะดูงานเทศบาลพรเจริญ จ.บึงกาฬ พลิกคว่ำ ดับ 18 ศพ เจ็บกว่า 30 ราย
ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ส่วนกรมการขนส่งทางบก เร่งหาสาเหตุ พบคนขับใช้ความเร็วไม่เหมาะสม ด้าน‘พิพัฒน์’สั่ง สปส.ลงพื้นที่ช่วยญาติเหยื่อ พบเป็นผู้ประกันตน พร้อมเยียวยา
เมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านXและโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีอุบัติเหตุรถบัสคณะทัวร์โครงการพัฒนาศักยภาพและการศึกษาดูงานคณะกรรมการธนาคารขยะหมู่บ้าน เทศบาล ต.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ซึ่งเดินทางไปศึกษาดูงานที่ จ.ระยอง พลิกคว่ำ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับผู้บาดเจ็บทุกราย จากเหตุการณ์รถบัสศึกษาดูงานจากจังหวัดบึงกาฬ ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ไว้เป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวภายหลังประชุมสรุปสาเหตุการอุบัติเหตุในครั้งนี้ ว่าหลังจากลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าคนขับรถไม่ชำนาญเส้นทางและการใช้ความเร็วไม่เหมาะสม ทั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ได้แสดงความความห่วงใยต่อผู้ประสบเหตุ จึงมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกเข้าช่วยเหลือ รวมถึงดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการขนส่งหรือผู้ที่อยู่ประจำรถ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบระบบกำหนดตำแหน่งหรือ GPS พบว่ารถโดยสารไม่ประจำทาง2 ชั้น ทะเบียน 30-0040 บึงกาฬ ได้ขับรถมาด้วยความเร็ว 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งเป็นทางชันลงเขาทำให้รถเสียหลักเฉี่ยวชนกับแผงกั้นแบ่งช่องทางจราจร(แบริเออร์) พลิกคว่ำ โดยไม่พบร่องรอยการเบรก เป็นเหตุให้มีทรัพย์สินเสียหาย มีผู้บาดเจ็บ 31 ราย และมีผู้เสียชีวิต 18 ราย จากการวิเคราะห์สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากผู้ขับรถใช้ความเร็วไม่เหมาะสมกับเส้นทางลงเขาที่เป็นทางโค้งต่อเนื่อง เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
“ได้กำชับให้สำนักงานขนส่งจังหวัดปราจีนบุรี เร่งให้การช่วยเหลือแก่ผู้ประสบเหตุทั้งในด้านการรักษาพยาบาลและการเยียวยาจากประกันภัย รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนา หลังจากออกจาก รพ.พร้อมเน้นย้ำให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือกระทำผิดให้พิจารณาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป
ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวแสดงความห่วงใยและมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกำชับเรื่องการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านสิทธิประโยชน์ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิประโยชน์ประมาณล้านกว่าบาท
ส่วนนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ในการนี้นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการ สปส.มอบหมายให้ประกันสังคมจังหวัดปราจีนบุรีและประกันสังคมจังหวัดบึงกาฬ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลโดยพบว่าผู้เสียชีวิต 18 ราย เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 อยู่ 1 ราย คือ น.ส.อภิญญา บุตรวัง อายุ 34 ปี ลูกจ้างตำแหน่งผู้ช่วยนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานเทศบาล ต.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ซึ่งทายาทจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน ดังนี้ เงินค่าทำศพ 50,000 บาท เงินค่าทดแทนกรณีถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงาน และเงินบำเหน็จชราภาพ รวมทั้งสิ้น 1 ล้านกว่าบาท
ขณะเดียวกัน มีผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 รวม 2 ราย คือ น.ส.สุจิตตรา วิเศษทรัพย์ อายุ 42 ปีทายาทจะได้ตามสิทธิกองทุนประกันสังคม ได้เงินค่าทำศพและบำเหน็จชราภาพ รวมทั้งสิ้นประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท และนายบุญโฮม จันทร์อ่อน อายุ 58 ปี ทายาทจะได้รับเงินตามสิทธิกองทุนประกันสังคม เป็นเงินค่าทำศพและบำเหน็จชราภาพ รวมทั้งสิ้นประมาณ 3 หมื่นกว่าบาทนอกจากนี้มีผู้เสียชีวิตที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33, 39และ 40 รวม 5 ราย ซึ่งมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจากกองทุนประกันสังคม
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 30 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นผู้ประกันตน 3 ราย คือนางดารุณี ศรีศักดิ์ อายุ 26 ปี ลูกจ้างของสำนักงานเทศบาล ต.พรเจริญ จ.บึงกาฬ เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ประสบอันตราย เนื่องจากการทำงานจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนส่วนอีก 2 ราย คือนายนาวิน ชูปัญญา อายุ 53 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และนางลำภู ศรีบุญเรือง อายุ 51 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดปราจีนบุรีได้ประสานให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งชี้แจงสิทธิประโยชน์ทั้ง 2 กองทุน แก่ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้รับทราบแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี กล่าวแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยระบุว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยพบว่ารถที่ประสบเหตุเป็นรถบัส 2 ชั้น ขับเคลื่อนโดยใช้น้ำมันดีเซล มีการต่อภาษีครบถ้วน มีประกันชั้น 3 ส่วนคนขับมีใบขับขี่ประเภท ท.4 ยังไม่ขาดอายุ เบื้องต้นจากการตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ รวมทั้งได้มีการเปลี่ยนคนขับ ช่วงที่เดินทางถึง จ.นครราชสีมา ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง แสดงว่าคนขับรถได้รับการพักผ่อน ในส่วนของถนนเป็นทางที่มีความลาดชัน จุดเกิดเหตุโค้งใกล้ภูเขาหินด้านข้าง ไฟส่องสว่างค่อนข้างมืด ถนนมี 6 ช่องทางจราจร ไปและกลับ
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ ทางตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี ได้หารือพนักงานสอบสวนสภ.วังขอนแดง โดยพิจาณาแจ้งข้อกล่าวหาคนขับรถคันดังกล่าว ในความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ทั้งนี้ หากพบว่าเข้าข่ายความผิดอื่นใด ก็จะพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี