คุมตัว‘ไอ้เคี่ยม’ ลูกทรพี-ทาสยานรกฆ่าแม่บังเกิดเกล้าถึงตรัง สภาพเหนื่อยล้าไม่ปริปากพูดจา เข้าห้องขังรีบอาบน้ำ-กินข้าวทันที ตีมึนเกาะลูกกรงไม่ตอบคำถามญาติ ‘ฆ่าแม่ทำไม’ เตรียมสอบปากคำอย่างละเอียด เบื้องต้นไม่พบฉี่ม่วง แจ้งข้อหาหนัก ‘ฆ่าบุพการี’
3 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 12.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ย่านตาขาว พ.ต.ท.เชษฐ์ เพชรชู สว.สส.สภ.ย่านตาขาว พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน ประมาณ 5 นาย ได้ควบคุมตัวนายณัฐพล หรือเคี่ยม อายุ 28 ปี ชาว ต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง อดีตนักมวยอนาคตรุ่ง และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.ตรัง ก่อเหตุฆ่าบุพการี คือ นางสุดารัตน์ หรือป้าติ๋ม อายุ 46 ปี อาชีพค้าขาย ผู้เป็นแม่ เสียชีวิตที่บ้านหมู่ 3 บ้านเกาะแต้ว ต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.68 ที่ผ่านมา
ข่าวเพิ่มเติม : รวบแล้ว ‘ไอ้เคี่ยม’ ฆ่าแม่ตายคาบ้าน ตร.ตรัง เร่งรับตัวดำเนินคดี
ภายหลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป จ.สมุทรปราการ และถูกจับกุมได้ท้องที่ สภ.เมืองนครปฐม ขณะที่ผู้ต้องหากำลังขับรถ จยย.โดยไม่สวมหมวกกันน็อก จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกตรวจ แต่พบข้อสังเกตและพบพิรุธ เนื่องจากเป็นป้ายทะเบียน จ.ตรัง และผู้ต้องหามีอาการเหม่อลอย ก่อนจะทราบว่าเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีจากคดีฆ่าผู้เป็นแม่จาก จ.ตรัง
ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม จะประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว ขึ้นไปรับตัวกลับมายังท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้ต้องหาได้ถูกควบคุมตัวและเดินทางออกมายัง สภ.เมืองนครปฐม ช่วงเที่ยงคืนวันนี้ที่ผ่านมา โดยในระหว่างทางเจ้าหน้าที่ได้ซื้อขนมปังและน้ำดื่มให้กินภายในรถ ก่อนจะมาถึง สภ.ย่านตาขาว ในเวลาประมาณ 12.40 น. พร้อมด้วยรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีขาว-แดง ทะเบียนตรัง ซึ่งเป็นรถของผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิต ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี
เมื่อมาถึงผู้ต้องหาได้ถูกควบคุมตัวลงมาจากรถโดยทันที โดยยังสวมเสื้อคอปกสีฟ้า กางเกงขาสั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาเดินเข้าห้องขัง โดยในระหว่างทาง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุ และอยากจะขอโทษแม่ พ่อ หรือครอบครัว กับการกระทำไปหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาไม่ปริปากพูดอะไรออกมาแต่อย่างใด โดยมีสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากใช้ระยะในการเดินทางกลับยาวนาน 800 กว่ากิโลเมตร
ก่อนจะควบคุมตัวเข้าห้องขัง ผู้ต้องหาได้ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำในทันที โดยพยามพูดตอบโต้ออกมาแต่ไม่สามารถจับใจความได้ สามารถจับได้เพียงคำเดียวคือ “ตามสถานภาพ” และ “รักพระบิดา” พูดเพ้ออยู่ตลอดเวลา โดยเจ้าหน้าที่ได้นำข้าวหมูแดงไปให้กิน รวมทั้งผู้สื่อข่าวให้น้ำชาเขียวไปดื่ม 1 แก้ว ก่อนจะนั่งกินอยู่ภายในห้องขังจนหมดเกลี้ยง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกระเป๋าสะพายหลังสีดำของผู้ต้องหา พบภายในมีชุดนักมวย มงคลสวมหัวนักมวย สมุดจดคาถา สมุดที่ผู้ต้องหาเขียนและขีดเขียด หนังสือรัฐธรรมนูญ หนังสือไวยากรณ์อังกฤษ พระเครื่อง โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าตัง เศษเหรียญ
ต่อมามีน้องชาย น้องสาว อา ของผู้ต้องหาเดินทางมาหาถึงหน้าห้องขัง ก่อนจะเข้าไปหายังจุดที่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม มีการพูดถามถึงสาเหตุว่าลงมือฆ่าแม่ตัวเองทำไม จดจำได้ไม่ว่าทำอะไรลงไป จดจำญาติที่มาเยี่ยมได้หรือไม่ โดยที่ผู้ต้องหาได้เพียงแค่เกาะลูกกรงยืนมองเพียงอย่างเดียว โดยไม่พูดตอบโต้อะไรกลับมา
ขณะที่ น.ส.สุธาทิพย์ อายุ 23 ปี ลูกสาวคนสุดท้อง ให้สัมภาษณ์ว่า ตนคิดว่าพี่ชายรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เพราะไม่มีใครจะทำอะไรลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว ตอนที่เคยอยู่กับพี่ชายที่บ้านขณะที่พี่ชายต้องการจะให้ช่วยเหลืออะไรก็พูดคุยกันรู้เรื่องเหมือนคนปกติทั่วไป จะกินจะนอนทำตัวปกติ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผลจากยาเสพติดที่พี่ชายพูดจาอยู่คนเดียว ที่เป็นอยู่นี้ตอนนี้และไม่พูดอะไรพี่ชายอาจจะทำตีมึนและเหลี่ยมเยอะ ซึ่งก่อนหน้านี้พี่ชายเป็นคนที่รักพ่อมาก ซึ่งเวลาตนทะเลาะกับพ่อ พี่ชายมักจะออกมาปกป้องออกตัวแทนพ่อ แต่เวลาพูดกับแม่จะชอบเรียกชื่อแม่อย่างเดียว เรียกอีบ้าง และจะพูดไม่ดีกับแม่อยู่บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ตนยังเคยพาพี่ชายไปรักษาอาการทางจิตเวชที่ รพ.ย่านตาขาว ผลพวงจากการใช้ยาเสพติด และตนเป็นคนจัดยาให้กินทั้งเช้าเย็น แต่ช่วงหลังพี่ชายเข้าไปขโมยยา และนำยาทั้งหมดไปต้มรวมกับต้มใบมะกรูด โดยอ้างว่าเป็นการชำระล้างร่างกาย หลังจากนั้นแม่ก็คุยกับตนว่าให้ตนหยุดรับยารักษามาตั้งแต่กลางปี 2567 ที่ผ่านมา
ทางด้านนายเจคอป อายุ 26 ปี น้องชาย กล่าวว่า ภายหลังจากที่พี่ชายเริ่มเข้ารักษาอาการทางจิต ผลพวงจากการใช้สารเสพติด ช่วงนั้นแม่ได้เลิกรากับสามี ก็เลยขอให้กลับมาอยู่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยดูแลพี่ชาย โดยมีตนและพี่ชายอีกคนส่งเงินมาให้แม่เพื่อไว้ดูแลแม่และพี่ชาย เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายที่ก่อเหตุมักจะเข้าบ้านคนอื่นๆ และลักขโมยของคนอื่น และเดินทั้งวัน โดยไม่มีเป้าหมาย จนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ตนคิดว่าพี่ชายคิดวางแผนมาก่อนแล้วที่จะลงมือฆ่าแม่ตัวเอง เนื่องจากก่อหน้าเคยเผาเตียงของผู้เป็นย่าที่นอนเป็นผู้ป่วยติดเตียงมาแล้ว โชคดีมีคนมาเห็นและช่วยไว้ได้ทัน โดยคิดว่าพี่ชายมีความคิดที่เริ่มต้นจากการทำร้ายคนในครอบครัว
“การที่แม่กลับมาดูแลพี่ชาย เพราะความรักลูก ส่วนเราก็รักพี่ชายที่ก่อเหตุเหมือนกัน เพราะอยากให้เขาหายและเลิกยาเสพติดได้ ตอนนี้ตนไม่อยากจะบอกอะไรก็พี่ชายแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการกฎหมาย” นายเจคอป กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เบื้องต้นจากการตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจหาสารเสพติด ไม่พบมีการเสพยาเสพติด และทางผู้ต้องหายังไม่สามารถให้การอะไรที่เป็นประโยชน์กับทางคดีได้ และยังไม่รับสารภาพ รวมทั้งยังพูดจากวกวน พูดเพ้อ ไม่ยอมพูดคุยอะไรใดๆ ภายหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาออกมาสอบปากคำอย่างละเอียด และจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ฐานความผิด “ฆ่าพุพการี” และจำนำตัวส่งฝากขังศาล จ.ตรัง ต่อไป.
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี