กทม.เอาจริง! ผู้ว่าฯ สั่งทุกเขตตรวจเข้มร้านอาหาร-หาบเร่แผงลอยปล่อยทิ้งไขมัน-น้ำเสียลงท่อระบายน้ำทำอุดตัน จับ-ปรับตามกฎหมาย เริ่มปฏิบัติการ 3 มี.ค./ พร้อมเร่งลอกท่อให้เสร็จก่อนฝนมาพ.ค.นี้

นายอนุชิต  พิพิธกุล ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กล่าวว่า จากที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงพื้นที่ติดตามปฏิบัติการลอกท่อบริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 5 ซึ่งได้รับแจ้ง
มีน้ำท่วมขังในช่วงฝนตกหนัก และพบไขมันอุดตันท่อระบายน้ำจำนวนมาก คาดว่ามาจากร้านอาหารไม่ดักไขมันตามกฎหมายและปล่อยทิ้งน้ำเสียนั้น สำนักเทศกิจ (สนท.) ได้เพิ่ม
มาตรการเข้มงวดกวดขันผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ให้ทิ้งขยะเศษอาหารและไขมันลงท่อระบายน้ำ โดยบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ตามมาตรา 23 ห้ามมิให้ผู้ใดเท หรือทิ้งกรวด หิน ดิน เลน ทราย หรือเศษวัตถุก่อสร้างลงในทางน้ำ หรือกองไว้ หรือกระทำด้วยประการใด ๆให้วัตถุดังกล่าวไหล หรือตกลงในทางน้ำ และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ใดเท หรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครก หรือสิ่งอื่นใดลงบนถนนหรือในทางน้ำ ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้มีโทษปรับเป็นพินัยไม่เกิน 10,000 บาท

รวมถึง ตามประกาศ กทม. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนน หรือสถานสาธารณะ ลงวันที่ 29 ส.ค.2567 ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ในประกาศ ข้อ 12.18 ห้ามถ่ายเท ทิ้ง น้ำ เศษอาหาร ไขมัน ขยะ สิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอย ลงบนพื้นหรือลงท่อ หรือทางระบายน้ำสาธารณะโดยเด็ดขาด และข้อ 12.19 ผู้ทำการค้าต้องจัดทำแผนทำความสะอาดพื้นที่ทำการค้า การจัดการน้ำทิ้ง เช่น น้ำที่ล้างภาชนะ ถ้วย ชามเศษอาหาร ไขมัน ขยะ สิ่งปฏิกูล และมูลฝอย หรืออื่นๆทั้งก่อนระหว่างและหลังทำการค้า เสนอให้คณะกรรมการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย ระดับเขต พิจารณาให้ความเห็นชอบและต้องปฏิบัติตามแผนโดยเคร่งครัด และเมื่อเลิกทำการค้าต้องเก็บแผงค้า สินค้า และอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ทำการค้าโดยทันที รวมทั้งผู้ค้าที่เข้าทำการค้าในพื้นที่ที่ กทม. อนุญาตหรือจุดผ่อนผันที่มีการปรุงอาหาร หรือมีการเท ทิ้ง น้ำเสียหรือน้ำจากการประกอบกิจการ จะต้องจัดให้มีถังดักไขมัน โดยกำหนดไว้ในการลงทะเบียนสมัครเข้าทำการค้าและหากไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกตัดสิทธิการทำการค้าต่อไป โดยได้กำชับให้ทุกสำนักงานเขตกวดขันเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบและบังคับการตามกฎหมายอย่างจริงจัง ทั้งในส่วนของผู้ค้าในจุดผ่อนผันและผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมทั้งจะเพิ่มมาตรการการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวในส่วนการลอกท่อระบายน้ำว่า กทม.มีแผนปฏิบัติการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำเป็นประจำทุกปี ในปีงบประมาณ 2568 กำหนดล้างทำความสะอาดท่อทั้งสิ้น 3,803.6 กม. ในถนนสายหลัก 413 กม. และถนนสายรอง ตรอก ซอย 3,390.6 กม. ปัจจุบันล้างไปแล้ว 1,285.3 กม.(ร้อยละ 33.80)โดยจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.2568 เพื่อให้ทันในฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงฝนตกหนัก นอกจากนี้ กทม. ได้กำหนดความถี่การล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ โดยพิจารณาจากความหนาแน่นของประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ หากเป็นบริเวณหน้าตลาด หรือบริเวณที่มีร้านค้าริมถนนจำนวนมาก หรือพื้นที่ชั้นในเมืองย่านเศรษฐกิจ จะอยู่ในเกณฑ์ต้องล้างท่อทุก 6 เดือน และพิจารณาจากความหนาแน่นของประชากรที่อยู่อาศัย หรือการจราจร หากมีปริมาณมากจะอยู่ในเกณฑ์ต้องล้างท่อทุก 1 ปี และลดเป็นล้าง 1 ปี เว้นไป 1 ปีและ ล้าง 1 ปี เว้นไป 2 ปี ตามลำดับ อย่างไรก็ดี กทม.ได้รณรงค์ไม่ทิ้งขยะ เศษอาหาร ไขมัน หรือสิ่งปฏิกูลลงในท่อระบายน้ำ และใช้มาตรการทางกฎหมายควบคู่กันไป เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวว่า กทม. ได้ออกข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ.2565 กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการต้องมีการแยกไขมันไปกำจัดก่อนระบายน้ำทิ้งออกสู่ระบบระบายน้ำ โดยใช้ถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมัน หรือการบำบัดด้วยวิธีอื่นที่มีประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่าการบำบัดด้วยถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมันและน้ำทิ้งต้องได้มาตรฐานตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อบำบัดน้ำเสียจากสถานที่จำหน่ายอาหารขั้นต้น และลดการก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม หากผู้ประกอบกิจการไม่ปฏิบัติตามมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 73 แห่งพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นอกจากนี้ สำนักอนามัย (สนอ.) ได้จัดทำคู่มือการดำเนินงานสุขาภิบาลอาหารในสถานที่จำหน่ายอาหารพื้นที่กรุงเทพฯ ตามข้อบัญญัติ กทม. ดังกล่าว เผยแพร่ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและผู้ประกอบกิจการ และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เรื่อง บ่อดักไขมันในรูปแบบอินโฟกราฟิกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง หารือแนวทางการควบคุมกำกับดูแลสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารให้มีการจัดการไขมันอย่างถูกต้อง โดยที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ สนอ. จัดทำแนวทางการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขเพื่อให้สำนักงานเขตใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานและให้ทุกสำนักงานเขตกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาการอุดตันของท่อระบายน้ำ หรือมีปัญหาน้ำเน่าเสีย และตรวจสอบสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารดังกล่าว เพื่อควบคุมกำกับให้มีการจัดการไขมันที่ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป