วันที่ 4 มีนาคม 2568 ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับอากาศร้อนจัด 

โดยระบุว่า อากาศร้อนสุดขั้วในเดือนเมษายน บางพื้นที่สูงถึง 44 องศาเซลเซียส..ระวังตัวด้วย!

1.จากการคาดการณ์โดยองค์กรอุตุนิยมวิทยาโลกและกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศไทยคาดว่าเดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดของประเทศ ไทย จากการวิเคราะข้อมูลห์คาดว่าปีนี้กรุงเทพ มหานครจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงเวลากลางวันประมาณ 35°Cหรือ 95°F และคาดว่าตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไปภาคเหนือจะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย37-39°Cและจะมีค่าสูงสุดในบางพื้นที่ระหว่าง 42 ถึง44°Cโดยเฉพาะในจังหวัดภาคเหนือที่พื้นที่เป็นแอ่งกะทะ เช่นจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่  ลำปาง อุตรดิตถ์ เลย สุโข ทัย เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำหรืออากาศร้อนเนื่องจากดวงอาทิตย์ปกคลุมแถบจังหวัดภาคเหนือและเป็นช่วงที่มีลมพัดจากทิศตะวันออกเฉียงใต้และลมจากทิศใต้พัดพาความชื้นจากทะเลอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมทำให้มีอา กาศร้อนผสมกับความชื้นสัมพัทธ์สูง เกิดอากาศร้อนอบอ้าวโดยเฉพาะในพื้น ที่จังหวัดที่เป็นหุบเขาหรือมีภูเขาล้อมรอบ เนื่องจากมีลมพัดผ่านได้น้อย

2.ปีนี้ประเทศไทยจะมีอากาศร้อนเป็นลำดับที่ 3 ในรอบ70 ปีรองจากปี 2567 และ2566 โดยในเดือนเมษายนปี 2567 มีอุณหภูมิสูงสุดที่ 44.6 องศาเซลเซียสที่จังหวัดลำปางและจังหวัดที่มีอากาศร้อนที่มีอุณหภูมิสูงสุดเกิน 44°C คือ จังหวัดลำปาง แม่ฮ่องสอน, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, ตาก และอุดรธานี

3.ตั้งแต่นี้ต่อไปจะเกิดอากาศจะร้อนสุดขั้วมากขึ้น เนื่องจากประเทศต่างๆบนโลกได้ปล่อยแก๊สเรือนกระจกสู่บรรยา กาศโลกทำให้อุณภูมิในบรรยากาศโลกสูงเกิน1.5 องศาเซลเซียสก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมไปแล้ดังนั้นในเดือนเมษา ยนของทุกปี ทุกประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตรของโลกจะมีอุณหภูมิสูง สุดเกิน 44 องศาเซลเซียสขึ้นไป

ประชาชนจะต้องปรับตัวในฤดูร้อนต้องระวังโรคลมแดดหรือฮีทสโตรกซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป โดยร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ร่างกายระบายความร้อนไม่ทันเพราะมีการสูญเสียน้ำจากร่างกายออกไปทางเหงื่อเป็นจำนวนมาก จะมีอาการ ซึม ชัก หรือเซลของอวัยวะทำงานผิดปกติ