หนุ่มใหญ่วัย 55 ปีชาวอำเภอนาดูน มหาสารคาม ขับเก๋งขนยาบ้านำมาขายต่อให้ลูกค้าในพื้นที่อำเภอคูเมืองบุรีรัมย์ ถูกตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง วางแผนจับกุมตัวได้คาสี่แยกไฟแดงพร้อมของกลางยาบ้า 1,800 เม็ด ยอมรับเป็นยาบ้าของตนเองจริง แต่ไม่ได้เสพ เพียงแค่นำมาขายหาเงินเที่ยวเตร่ ตอนไปหาแฟนสาว 2-3 คนเท่านั้น

วันที่ 6 มี.ค.68 พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์ รอง ผกก.ฯ หัวหน้าชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ (ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ สนธิกำลังร่วมกับ ชุดสืบสวน สภ.คูเมือง, เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 (ชปส.กก.ตชด.21), เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 215 (ชปส.ร้อย ตชด.215), เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 216 (ชปส.ร้อย ตชด.216), เจ้าหน้าที่ทหาร สำนักข่าว กองอำนวยการความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (เจ้าหน้าที่ทหาร สขว.กอ.กรมน.), เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยปราบปรามยาเสพติด ข่าวกรองทหาร ศูนย์ปฎิบัติการ กองทัพบก หน่วยเฝ้าตรวจชายแดนที่ 22 หน่วยข่าวกรองทางทหาร กองกำลังสุรนารี (เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยปราบปรามยาเสพติด ขกท.ศปก.ทบ. นฝด.22, ขกท.กกล.สุรนารี) ,เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 (ฉก.ทพ.26)  และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองบุรีรัมย์ 

ร่วมกันวางแผนจับกุมตัวนายสมนัส หรือหัว อายุ 55 ปี อยู่หมู่ที่ 10 ต.หนองคู อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,800 เม็ดที่เก็บซุกซ่อนไว้บริเวณด้านหลังเบาะหลังรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียนบุรีรัมย์ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูเมือง ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา ‘จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน’

โดยในการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันจับกุมผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ ต.พรสำราญ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมของยาบ้า 16 เม็ดและได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูเมือง ดำเนินคดีไปก่อนหน้าแล้วเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.68 ที่ผ่านมา จาการสอบสวนขยายผลทราบว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ติดต่อสั่งซื้อยาบ้ามาจากนายสมนัส มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งนายสมนัส ดั้งเดิมเป็นชาวบ้านใน ต.พรสำราญ อ.คูเมือง แต่ไปมีครอบครัวและพักอาศัยอยู่ที่ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา แต่ยังคงแวะเวียนไประหว่างบ้านที่ ต.พรสำราญ อ.คูเมือง แทบทุกสัปดาห์เพื่อนำยาบ้ามาส่งขายให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.คูเมือง โดยทุกครั้งจะขับขี่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียนบุรีรัมย์

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สืบสวนขยายผลเรื่อยมาจนทราบว่า นายสมนัส ได้เดินทางไป จ.หนองคาย และเดินทางต่อมายัง จ.อุดรธานี ซึ่งเชื่อได้ว่านายสมนัส น่าจะไปรับยาบ้า จึงได้จัดกำลังเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งทราบว่านายสมนัส กำลังเดินทางกลับมาเพื่อนำยาบ้ามาส่งขายให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.คูเมือง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้วางกำลังดักตามเส้นทางต่างๆ กระทั่งพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียนบุรีรัมย์ ขับมาจากพื้นที่ อ.พุทไธสง เข้ามาในพื้นที่ อ.คูเมือง จึงได้สะกดรอยติดตาม จนมาถึงแยกไฟแดงคูเมือง และรถยนต์คันดังกล่าวได้จอดติดไปแดงพอดี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการจับกุมตัว และตรวจค้นภายในรถยนต์พบยาบ้าจำนวน 9 ถุง หรอืประมาณจำนวน 1,800 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ด้านหลังเบาะหลังรถยนต์

จากการสอบถามนายสมนัส ให้การยอมรับสารภาพว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนจริง แต่ตนก็ไม่ได้เสพยาบ้า เพียงแค่ไปซื้อขายต่อให้กับกลุ่มวัยรุ่นตามหมู่บ้านเท่านั้น เพื่อหาเงินไปไว้ใช้จ่ายตอนที่เดินทางไปหาแฟนสาวที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆ ประมาณ 2-3 คนโดยได้ติดต่อขอซื้อยาบ้าจากชาวลาว และได้เดินทางไปรับเอายาบ้าที่มีคนนำมาวางไว้ให้ในพื้นที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งก่อนจะไปรับเอายาบ้า ตนได้ไปหลับนอนกับแฟนสาวที่ จ.หนองคาย และกลับมาหลับนอนกับแฟนสาวอีกคนที่ จ.อุดรธานี ก่อนจะมาเก็บเอายาบ้า เมื่อเก็บเอายาบ้ามาได้แล้ว ได้นำยาบ้าไปเก็บซุกซ่อนไว้หลังเบาะ แล้วขับรถกลับมาที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อจะเอายาบ้าไปให้ลูกค้าในพื้นที่ ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง กับ ต.พรสำราญ อ.คูเมือง แต่มาถูกเจ้าหน้าที่มาจับกุมตัวได้เสยก่อน ส่วนลูกค้าที่ตนจะนำยาบ้ามาให้ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย -- 001