32 แรงงานเถื่อนเปลี่ยนเส้นทางหนีเข้าไทย สุดท้ายโดนรวบกลางป่า พบมาจากหลายเมืองของประเทศเมียนมา จ่ายค่านายหน้าหัวละ 3 หมื่น
จากกรณีรัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้พื้นที่จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาระยะทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกทางธรรมชาติ 43 ช่องทาง
จากนโยบายของรัฐบาล นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ กันตะยศ ผกก.สภ.ไทรโยค พ.ต.อ.มานิต นาโควงศ์ ผกก.ตชด.16(ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี ประชุมรับนโยบายเพื่อวางแผนในเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี และ อ.ด่านมะขามเตี้ย
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้หลายคดี ผู้ต้องหาหลายร้อยคน จะพบว่าแรงงานชาวเมียนมาส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวอยู่ในวัยที่ต้องไปเป็นทหารรับใช้รัฐบาลทหารเมียนมา ตามที่รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศกฎเกณฑ์บังคับเอาไว้ ทำให้แรงงานทะลักเข้ามาตมชายแดนจังหวัดกาญจนบุรีอย่างต่อเนื่องและถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับกุมตัวได้ในทุกวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สังขละบุรีและอำเภอทองผาภูมิ กลุ่มแรงงานที่ถูกจับต่างใช้ช่องทางธรรมชาติฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา ที่มีชายแดนติดกับบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี สำหรับชายแดนด้าน อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี และ อ.ด่านมะขามเตี้ย มีเทือกเขาตะนาวศรีขวางกั้นเอาไว้ ทำให้แรงงานหลบหนีข้ามชายแดนเข้ามานั้นน้อยมากเนื่องจากเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชันและสลับซับซ้อนจึงยากต่อการเดินเข้ามา
แต่ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 19.35 น.วันที่ (6 มี.ค.68) ผู้บังคับบัญชาข้างต้น ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเป็นจำนวนมาก เปลี่ยนเส้นทางเดินข้ามชายแดนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติด้านบ้านท้ายเหมือง หมู่ 3 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค ที่เป็นป่าและเทือกเขาตะนาวศรีขวางกั้นชายแดนระหว่างประเทศเอาไว้
ดังนั้น นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค จึงสั่งการให้นายโชคชัย อู่โภคิน หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอไทรโยค สมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอไทรโยคที่ 7 ร่วมกับ พ.ต.ท.กฤตญุตม์ นุ่นชูคัน รอง ผกก.สส.สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.ที่136 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ ชรบ.หมู่ 3 ต.บ้องตี้ นำกำลังออกเดินทางไปตรวจสอบตามจุดที่ได้รับแจ้ง
จนกระทั่งพบกลุ่มแรงงานพร้อมกระเป๋าสัมภาระหลบซ่อนตัวอยู่ในชายป่าเชิงเขาท่ามกลางความมืด เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณเข้าจับกุมและสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด จำนวน 32 คน เป็นชาย 25 คน หญิง 7 คน เบื้องต้นแรงงานทั้งหมดไม่มีเอกสารการอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ แต่เนื่องจากมืดมากแล้ว เจ้าหน้าที่จึงใช้รถบรรทุกลำเลียงแรงงานทั้งหมดมาสอบปากคำที่ สภ.ไทรโยค
จาการสอบถามผ่านล่ามทราบว่า แรงงานทั้งหมดมาจากหลายเมืองของประเทศเมียนมา เช่น เมืองย่างกุ้ง มะกวย ทวาย ยะไข่ พะโค และมันดาเลย์ โดยทุกคนต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นในของไทย เมื่อถึงที่ทำงานจะต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าที่เป็นคนชาติเดียวกันมากถึงคนละ 30,000 บาท แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้เสียก่อน หลังผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีตาม พรบ.คนเข้าเมืองในข้อกล่าวหา“เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”สำหรับแรงงานที่ถูกจับกุมตัวได้ทั้ง 32 ราย มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 19-31 ปี ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต้องไปเป็นทหารทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี