เตือนภัยแก๊งคอลสยิว
ก๊อบปี้ภาพตร.หญิง
ลวงหนุ่มแชทเสียว
ถ่ายคลิปแบล็กเมล์
“ภูมิธรรม” ให้รอฟังแถลงผลงาน ครบ 1 เดือน “ตัดไฟ-น้ำมัน-สัญญาณเนตปราบแก๊งคอลฯ โฆษกรบ.เผยมาตรการปราบแก๊งคอลฯของรัฐบาลได้ผล ขบวนการตุ๋นชาวบ้านลดลง 80% แต่คนร้ายเปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็น“แก๊งคอลสยิว” มาอาละวาดแทน โดยก็อปปี้โปรไฟล์หมวดหญิงหน้าตาดีหลอกเหยื่อ ให้เปลื้องผ้า ถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์ มีผู้เสียหายจำนวนมาก ถูกรีดเงินสูญหลายล้าน ผลสอบทางลับรู้พิกัดกบดานในกทม.-ภาคเหนือคาดได้ตัวเร็วๆนี้
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงการดำเนินมาตรการตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตและตัดส่งออกน้ำมันครบ 1 เดือนของรัฐบาลไทย 5 จุดบริเวณชายแดนไทยเมียนมา เพื่อปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือสมช.รายงานมาแล้วหรือไม่ว่า ขณะนี้ผลดำเนินงานไปได้เยอะมาก ถ้าครบรอบ 1 เดือนจะนัดวันแถลงให้รอฟัง ส่วนการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีระหว่างประเทศไทย, จีน และเมียนมา เพื่อแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกันนั้น กระทรวงการต่างประเทศประชุมไปแล้ว
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะปฏิบัติการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชนิด“ไม่จบไม่เลิก” ตามนโยบายน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังภารกิจตัดน้ำตัดไฟไม่ส่งน้ำมัน ทำให้มีแก๊งคอลเซนเตอร์ถูกจับหลายพันคน ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศไทยได้ผลเป็นที่น่าพอใจ การหลอกลวงลักษณะนี้ลดลงไปมากกว่า 80% แต่ปัจจุบันแม้จะลดลง แต่ตำรวจยังได้รับแจ้งความว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกจากจะหลอกเป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เป็น ปปส.หรือเป็นเจ้าหน้าที่ศาลหรือไปรษณีย์ โดยหลอกว่ามีพัสดุของเหยื่อมียาเสพติด หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือการฟอกเงิน แล้วหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ จนโอนเงินเสียหายกันจำนวนมาก จนรู้จักกันดีว่า “กองร้อยปอยเปต”
ที่ปรึกษาของนายกฯกล่าวต่อว่า ปัจจุบันแก๊งเหล่านี้ ยังใช้มุกเดิมหลอกคนไทยอยู่ แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็น “แก๊งคอลสยิว” โดยคนร้ายเหล่านี้จะเข้าไปในโซเชียลมีเดีย ทั้ง TikTok Instagram หรือ Facebook และก็อปปี้รูปภาพ คลิปวิดีโอหรือกิจกรรมต่างๆของเจ้าของตัวจริง แล้วนำมาเปิดบัญชีใหม่ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่มีรูปร่างหน้าตาดี จากนั้นก็จะอินบ็อกซ์เข้าไปพูดคุยกับเหยื่อ ขอแลก LINE หรือคุยผ่าน Messenger ในเฟซบุ๊ก กระทั่งเหยื่อตายใจ ก็จะใช้วิธีหว่านล้อมเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ เช่น ชักชวนลงทุน เล่นพนัน หรือชวนอาบน้ำด้วยกัน หรือไม่ก็เปลือยกายแล้วถ่ายคลิปวิดีโอไว้ จากนั้นจะแสดงตนเป็นคนร้ายทันที เพื่อแบล็กเมล เรียกเงินแลกกับการไม่นำคลิปวีดีโอลับไปเผยแพร่
ทั้งนี้ ได้ร่วมกับฝ่ายสืบสวนตำรวจไซเบอร์วางแผนจับกุมหลายครั้ง ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยแก๊งคอลฯดังกล่าวก็อปปี้รูปและคลิปวีดีโอกิจกรรมต่างๆของตำรวจหญิงยศ ร.ต.ท.นายหนึ่ง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่มีรูปร่างหน้าตาดี ไปหลอกเหยื่อจำนวนมาก ซึ่งได้สอบถามพร้อมส่งข้อมูลไปที่ ร.ต.ท.หญิงคนดังกล่าว ยืนยันว่าถูกก็อปปี้ภาพไปเปิดบัญชีใช้งานมากกว่า 10 บัญชี ทั้ง Facebook TikTok Instagram และ Line ซึ่งการใช้โปรไฟล์ของนายตำรวจหญิงรายนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้เหยื่อว่าไม่ใช่แก๊งคอลฯแน่นอน จากนั้นคนร้ายก็นำโปรไฟล์ของผู้หมวดหญิง หลอกสนทนากับเหยื่อ ใช้วิธีอินบ็อกซ์หรือกดไลค์ ชวนพูดคุยทำให้เหยื่อรู้สึกดีและพูดจาหว่านล้อมหลอกให้เหยื่อตายใจ แล้วคนร้ายพยายามชักชวน ให้ช่วยสนับสนุน เพราะเป็นตำรวจเงินเดือนน้อย มีภารกิจ เช่น จะนำเงินไปซื้อปืน ก่อนชวนสนทนาเรื่องทางเพศ
นายจิรายุกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หากเหยื่อหลงกล ยอมเปลื้องผ้า หรือทำสิ่งใดตามที่ถูกชักชวน คนร้ายก็จะก็อปปี้หน้าจอ หรืออัดวิดีโอเป็นคลิปไว้ แล้วนำมาแบล็กเมล เรียกเงินตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักล้านบาท คนร้ายใช้วิธีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหยื่อจำนวนมากไม่กล้าแจ้งความ เพราะกลัวกระทบชื่อเสียงและครอบครัว โดยการกระทำผิดของแก๊งนี้เป็นความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่น , กรรโชกทรัพย์ , รีดเอาทรัพย์ และเผยแพร่สื่อลามาก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 , 337 , 338 และ 287 และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่ 3-10 ปี
นายจิรายุกล่าวด้วยว่า ขณะนี้พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ได้ติดตามตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว คาดว่าน่าจะได้ตัวเร็ววันนี้ และฝากเตือนประชาชน ให้ระวังรูปแบบการหลอกลวงลักษณะนี้ ซึ่งมีประชาชนตกเป็นเหยื่อแล้วจำนวนมาก ทั้งนี้ หากผู้เสียหายไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวตน ขอให้แจ้งเลขบัญชีที่เหยื่อโอนไปให้กับคนร้าย เพื่อทางตำรวจจะได้สืบสวนในทางลับ ว่าบัญชีของคนร้ายที่ใช้เป็นใคร ซึ่งส่วนหนึ่งพบข้อมูลทางบัญชีมาแล้วว่าอยู่ในพื้นที่ กทม.และภาคเหนือ แต่ส่วนหนึ่งยังคงทำงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก สอท 1 และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก สอท 4 เร่งดำเนินการแล้ว ทั้งนี้ ชุดสืบสวนฯ หลังล่อซื้อได้บันทึกรายละเอียดทุกขั้นตอนที่คนร้ายใช้ทุกแพลตฟอร์ม และวีดีโอคอล เพื่อเป็นสื่อเตือนภัย โดยพบว่าคนร้ายจะหว่านล้อมเหยื่อ พยายามให้เหยื่อเปิดกล้องให้เห็นหน้า เพื่อก็อปปี้ภาพ หรือบันทึกคลิปไว้แบล็กเมล เรียกเงิน หากเหยื่อไม่หลงกล คนร้ายไม่สามารถปฏิบัติภารกิจแบล็กเมลได้สำเร็จ ก็จะปิดกล้องแล้วด่าหยาบคาย จากนั้นก็จะปิด TikTok หรือ Facebook ที่ก็อปปี้ภาพจากผู้อื่นทิ้งไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี