สะเทือนเรือนจำคลองเปรม
ผกก.โจ้ผูกคอตาย
ญาติติดใจการเสียชีวิตอนาถ
เคยโดนผู้คุมนักโทษรังแก
‘ทวี’รุดสอบพบป่วยจิตเวช
แยกขังเดี่ยวกลัวถูกทำร้าย
อดีตผกก.โจ้นักโทษคดีใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด ตัดสินใจผูกคอตายในเรือนจำคลองเปรม รมว.ยุติธรรมรุดตรวจ เผยผู้ตายป่วยจิตเวชหวาดระแวงกลัวโดนคนอื่นจะเล่นงานต้องแยกขับเดี่ยว ด้านทนายความติดใจการเสียชีวิต เพราะรู้ว่าถูกเรียกสอบวินัย เหตุผู้คุมร้องเรียนว่ากระด้างกระเดื่อง ปมมอบทนายให้ไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ถูกทำร้ายร่างกาย ระบุมีใบรับรองแพทย์จากรพ.ราชทัณฑ์ ยืนยันบาดแผล ผบ.คุกยันซ้ำฆ่าตัวตายเองไม่มีใครทำร้าย
เมื่อเช้าวันที่ 8 มีนาคม กรมราชทัณฑ์ ว่าจากเหตุการณ์เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องหาใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ได้ผูกคอจบชีวิตอย่างอนาถ ภายในห้องขัง แดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม
ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางคลองเปรมว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 20.50 น. เจ้าพนักงานเรือนจำปฏิบัติหน้าที่เวรพยาบาล ได้แจ้งเหตุผู้ต้องขังเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ ข.ช.ธิติสรรค์หรือ ‘โจ้’ อุทธนผล คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ,ความผิดต่อชีวิต ,ความผิดต่อเสรีภาพ ,ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต นับตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2564 ตามหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ต้องจำมาแล้วในเรือนจำ 3 ปี 6 เดือน 13 วัน โดยรับตัวผู้ต้องขังเข้าคุมขังเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ปัจจุบันถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุม แดน 5
ตรวจประวัติอาการป่วย
เรือนจำฯ ได้ตรวจสอบประวัติการรักษา พบว่า ข.ช.ธิติสรรค์ฯ มีโรคประจำตัว คือ ภาวะหัวใจสั่น (Essential tremor) มีไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) และมีอาการป่วยด้วยโรคทางจิตเวชวิตกกังวล (Anxiety disorder) ซึ่งได้รับการรักษาและรับยาต่อเนื่อง โดยพบจิตแพทย์ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และมีนัดพบจิตแพทย์ในเดือนเมษายน 2568
ขณะควบคุมในเรือนจำฯ ผู้ต้องขังมีพฤติกรรมหวาดระแวงกลัวผู้ต้องขังอื่นทำร้าย เนื่องจาก เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เรือนจำฯ จึงได้รับ คำร้องของผู้ต้องขังและพิจารณาอนุญาตให้แยกการควบคุมจากผู้ต้องขังอื่น และยังเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในเรือนจำได้เป็นปกติ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ช่วงเที่ยงผู้ต้องขังได้รับการเยี่ยมเยียนจากภรรยา ซึ่งเจ้าพนักงานเรือนจำไม่พบเหตุผิดปกติแต่อย่างใด
เปิดห้องขังช่วยเหลือไม่ทัน
ต่อมาเมื่อเวลา 20.25 น. เจ้าพนักงานเวรรักษาการณ์ ขณะกำลังเดินไปจ่ายยาประจำตัวให้กับ ข.ช.ธิติสรรค์ฯ พบว่า ผู้ต้องขังนั่งหลังพิงกับประตูห้องขัง จึงได้พยายามเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้แจ้งพัศดีเวรฯ และพยาบาลเวรฯ เข้าเปิดห้องขังเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนตามหลักวิชาชีพ แต่พบว่า ผู้ต้องขังใช้ผ้าขนหนูขนาดเล็ก ผูกคอกับประตูห้องขัง ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก ไม่รู้สึกตัว ปลายนิ้วมือซีดเขียวคล้ำ ไม่พบชีพจรบริเวณหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ
ในเบื้องต้น เรือนจำฯ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าทางเดินของห้องขังผู้ต้องขังดังกล่าว ซึ่งไม่พบว่ามีผู้ใดเข้าออกห้องดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ แพทย์ เจ้าพนักงานปกครอง เพื่อดำเนินการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมทั้งจะได้เชิญญาติเพื่อรับทราบต่อไป
กรมราชทัณฑ์ อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิต และขอยืนยันว่า ไม่มีเจ้าพนักงานเรือนจำหรือผู้ต้องขังรายใดทำร้าย ข.ช.ธิติสรรค์ฯ และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้ต้องขัง
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ปรากฏโดยทันที และขอเรียนว่า เรือนจำฯได้ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัดโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) และการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (ข้อกำหนดแมนเดลา) เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ต้องขังทุกคน
เมื่อเวลา 09.45 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ให้สัมภาษณ์สอดคล้องกับเอกสารของกรมราชฑัณฑ์ทั้งย้ำว่า ต้องแยกตัวผู้กำกับโจ้มาขังเดี่ยว เนื่องจากได้รับรายงานจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่าผู้กำกับมีภาวะหวาดระแวง ทำร้ายตัวเองและเป็นผู้ป่วยจิตเวช
ทนายติดใจสาเหตุการตาย
นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ เปิดเผยว่าวานนี้(7 มีนาคม ) ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ญาติได้เข้าไปเยี่ยมอดีตผู้กำกับโจ้ ที่เรือนจำและทราบว่าช่วง 15.00 น. ทางเรือนจำได้เรียกสอบสวนวินัยผกก.โจ้ หลังจากถูกผู้คุมร้องเรียนว่า กระด้างกระเดื่อง ถือเป็นความผิดทางวินัย
“โดยอดีตผกก.โจ้ ได้บอกว่าเรื่องที่ถูกร้องเรียนนี้ เชื่อว่าเป็นการร้องเรียนจากกรณีที่อดีตผกก.โจ้ มอบหมายให้ตนในฐานะทนายความไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น เรื่องการถูกผู้คุมทำร้ายร่างกายในเรือนจำก่อนหน้านี้ ซึ่งตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยืนยันบาดแผล”
ทนายวีรศักดิ์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ยังไม่เคยได้เข้าไปสอบสวนคดีดังกล่าวภายในเรือนจำ โดยพยายามที่จะขอเข้าไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ทางเรือนจำกลางคลองเปรมไม่อนุญาต แต่ทางเรือนจำได้มีการเรียกญาติไปพูดคุย ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียด ต้องถามจากญาติอีกครั้ง
ทนายวีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ เหตุการณ์หลังการสอบสวนวินัยอดีตผกก.โจ้ ในเรือนจำเมื่อวานนี้ (7 มีนาคม) ก็ยังไม่มีใครทราบว่าผลเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น แต่ยืนยันว่าตอนที่ญาติเข้าไปเยี่ยมอดีต ผกก.โจ้ ยังมีท่าทางเป็นปกติ ไม่ได้มีสัญญาณว่าจะก่อเหตุดังกล่าว และที่ผ่านมาที่ตนและญาติได้เข้าไปเยี่ยมและพูดคุยกับอดีตผกก.โจ้ ก็เห็นว่าสภาพจิตใจปกติ อาจมีอาการนอนไม่หลับบ้าง แต่ยังพูดคุยเรื่องคดีกับตนปกติ แล้วก็ยังพูดคุยกับญาติว่าถ้าได้ออกจากเรือนจำมาแล้ว มีแผนจะไปทำอะไรต่อ ทั้งนี้ เบื้องต้นตอนนี้ทราบว่าทางญาติติดใจกับสาเหตุการเสียชีวิตของอดีต ผกก.โจ้
ส่งศพผกก.โจ้ผ่าพิสูจน์
เมื่อเวลา 13.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรม ได้นำร่างของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ไปชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ทางญาติไม่ได้ตอบคำถามหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน แต่ได้ให้นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของผู้กำกับโจ้ ชี้แจงและนำเอกสารมอบให้กับสื่อมวลชนแทน
ด้านนายวีรศักดิ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ผู้กำกับโจ้ได้ฝากขอโทษพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติดที่มีการคลุมถุงดำในอดีต โดยในตอนนี้ครอบครัวของผู้กำกับโจ้ยังคงอยู่ในอาการเสียใจ และยังติดใจกับสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ทางญาติได้มอบหมายให้ตนไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น เรื่องผู้กำกับโจ้ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำทำร้ายร่างกาย โดยในเอกสารระบุชื่อผู้คุมที่เป็นคู่กรณีไว้ ต่อมาจึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยผู้กำกับโจ้ตามระเบียบ โดยแจ้งว่าผู้กำกับโจ้ขัดขืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ จนทำให้มีการย้ายแดนขังและต้องเข้าห้องขังแยก ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของผู้กำกับโจ้ แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับให้สัมภาษณ์สื่อฯ ว่า ผู้กำกับโจ้เต็มใจขอแยกห้องขังเดี่ยว
ส่วนที่ระบุว่าผู้กำกับโจ้เป็นผู้ป่วยจิตเวชนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากมีการเข้าเยี่ยมผู้กำกับโจ้มาเป็นเวลานาน ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ญาติก็ได้เข้าเยี่ยมผู้กำกับโจ้ก็มีอาการปกติ และยังมีการพูดคุยถึงการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ รวมทั้งยังพูดถึงการใช้ชีวิตในอนาคตหลังออกจากเรือนจำ ที่ผ่านมาตั้งแต่รับช่วงเป็นทนายความปี 66 ก็ได้เข้าเยี่ยมตลอด ผู้กำกับโจ้ไม่ได้มีความเครียดหรือกังวลที่จะนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง เพราะคดีเรื่องคลุมถุงดำถูกพิพากษาไปแล้ว ซึ่งคดีอยู่ชั้นอุทธรณ์ ส่วนคดีที่อยู่ ป.ป.ช. ขั้นตอนนี้ระงับการสอบสวนชั่วคราว จึงไม่มีแรงจูงใจที่จะทำให้ผู้กำกับโจ้ฆ่าตัวตาย ซึ่งมูลเหตุเชื่อว่าอาจถูกบีบให้ยินยอมเรื่องการสอบวินัย หลังจากที่ไปแจ้งความ
ยันผู้คุมไม่ได้ทำร้าย
ต่อมาที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม จ.นนทบุรี พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายเผด็จ หริ่งรอด ผอ.ทัณฑ สถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ร่วมชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้
โดยพันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งวันนี้ได้มีหน่วยงานทั้งหมด 4 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ฝ่ายปกครอง หมอ และพนักงานสอบสวน รวมถึงครอบครัวที่มี แม่ ภรรยา และน้องสาว ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมไปถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้
ใช้ผ้าขนหนูผูกคอตาย
เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเป็นการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ โดยการใช้ผ้าขนหนูความยาว 30-40 ซม. ผูกกับลูกกรงประตู ซึ่งผ้าอยู่ในระดับหน้าอก และตายด้วยท่านั่งหย่อนก้น เหยียดขาตรง ซึ่งทางเราก็มีกล้องวงจรปิด บันทึกภาพทางเดินที่ทำให้เห็นว่าไม่มีผู้ใดเข้าออกในห้องขังของผู้กำกับโจ้ มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ที่นำยาเข้าไปให้ตามเวลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้กำกับโจ้ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตลงแล้ว ส่วนจะเป็นการเสียชีวิตก่อนผูกคอ หรือผูกคอก่อนเสียชีวิตนั้น ก็จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามทางเราจะยังไม่ตัดประเด็นเรื่องที่ผู้อื่นทำให้ตาย
รอความเห็นจากแพทย์
ส่วนในเรื่องของการชันสูตรพลิกศพรวมไปถึงการวินิจฉัย ให้เป็นความเห็นของทางแพทย์ ซึ่งทางครอบครัวอยากให้นำศพไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อรอพิสูจน์ข้อเท็จจริง ก่อนที่จะส่งศพคืนให้ญาติ ส่วนญาติที่ติดใจในเรื่องของการเสียชีวิตครั้งนี้ แล้วจะเก็บศพไว้จนกว่าจะพิสูจน์ความจริงก็เป็นสิทธิของทางญาติ โดยทางคณะทำงานก็จะพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยคณะกรรมการจะมีการตรวจพยานหลักฐานทั้งในส่วนเรื่อง DNA บนผ้า รวมถึงบนวัตถุพยานทุกอย่าง
สำหรับกรณีผู้กำกับโจ้ มีการแจ้งความถูกทำร้ายร่างกายภายในเรือนจำเมื่อเดือนมกราคม ได้มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยทางตัวผู้กำกับโจ้ได้อ้างว่าถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย ทางเรือนจำเองก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการภายในตรวจสอบแล้ว และเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ทำร้าย เรื่องดังกล่าวจึงยังไม่มีข้อสรุป และขอเวลาในการพิสูจน์ แต่ในส่วนทางญาติ แจ้งความไว้ที่สน.ประชาชื่น นั้น ยืนยันว่าตำรวจได้มีการสอบไปแล้ว
มีวงจรปิดบันทึกหลายจุด
ด้านนายสหการณ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนกับผู้ต้องขังอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าภายในเรือนจำมีกล้องวงจรปิดบันทึทุกจุด ยกเว้นภายในห้องนอนที่ถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชนที่เราต้องดูแล
สำหรับมาตรการของต้องห้ามที่จะนำไปสู่การก่อเหตุ มีความเข้มงวดในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผ้าที่ผู้เสียชีวิตใช้ก่อเหตุเป็นการอนุโลมของเรือนจำให้กับผู้ต้องขังทุกคน เนื่องจากช่วงนี้มีอากาศร้อนจึงให้ไว้ซับเหงื่อ ซึ่งในขณะที่ผู้กำกับโจ้ก่อเหตุเป็นช่วงเวลานอน ที่อยู่ในห้องปิดทึบ และอยู่เพียงคนเดียว จึงไม่มีใครเห็น โดยเหตุผลที่ต้องอยู่ห้องขังแยกเพียงผู้เดียว เนื่องจากผู้ต้องขังร้องขอเอง ไม่ได้มีการจับขังเดี่ยว เพราะวิตกังวลกลัวคนทำร้าย และทำให้ตัวผู้ต้องขังรู้สึกปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ก็มีมาตรการดูแลผู้ป่วยโดยการให้ยาตลอดเวลา อีกทั้งยังมีการนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตามอาการ และก่อนหน้านี้เราก็ได้มีการประเมินไว้แล้ว โดยไม่พบว่าทางตัวผู้กำกับโจ้จะก่อเหตุ
เผยผกก.โจ้ขอแยกขังเดี่ยว
ด้านนายเผด็จ กล่าวว่า ผู้กำกับโจ้มีการทำเรื่องขอไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อจะแยกขังเดี่ยวมาเป็นเวลา 2 เดือน หลังจากที่มีปัญหาปากเสียงกับเพื่อนร่วมห้องขัง โดยได้ถูกย้ายจากแดน 7 ไปแดน 5ส่วนการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในเรือนจำ ส่วนที่ญาติผู้กำกับโจ้ไปแจ้งความอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย โดยนำเอกสารจากทางทัณฑสถานรพ.ราชทัณฑ์ ที่ได้มีการออกใบรับรองแพทย์ว่า มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณซี่โครงด้านซ้าย ที่แพทย์ให้ความเห็นเป็นการถูกของแข็งไม่มีคม แต่จะเกิดจากการกระทำของเพื่อนร่วมห้องขังหรือผู้คุมนั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในส่วนนี้ก็เป็นสิทธิของญาติที่สามารถไปแจ้งความได้ ซึ่งส่วนนี้ต้องรอทางพนักงานสอบสวนพิสูจน์
ส่วนการที่ทางราชทัณฑ์มีการตั้งคณะกรรมการภายในขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องผู้กำกับโจ้ ถูกทำร้ายร่างกายนั้น จะทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม มีลักษณะเป็นการฮั้วกันหรือไม่ ยืนยันว่าตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบ แต่ผลยังไม่ออก พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าที่ผ่านมาผู้กำกับโจ้ไม่ได้ป่วยจิตเวช เพราะว่ามาตรการของเรือนจำหากพบว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เป็นเพียงการรักษาตามอาการกังวลและเครียดเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี