ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อธุรกิจ ครั้งที่ 2 (Smart Business Expo 2025)โดยมีผู้บริหารสังกัดกระทรวงเกษตรฯ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วม ที่ฮอลล์ 1-2 ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE)
ศ.ดร.นฤมลกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยี การแสดงศักยภาพ และพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการ รวมถึงการจับคู่ธุรกิจให้เกิดสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยหวังว่าในอนาคตจะมีการจับคู่ทางธุรกิจให้กับเกษตรกรในราคาที่จับต้องได้ และสามารถใช้เทคโนโลยีแก้ไขปัญหาทางการเกษตรทั้งด้านผลผลิต ดิน น้ำ และอื่นๆ ให้เกิดผลผลิตที่ดีต่อเกษตรกร รวมถึงตัวผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
“การส่งออกสินค้าเกษตรไทย ปี 2567 มีการส่งออกสูงถึง 1 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยสินค้าส่งออกสูงสุด ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็น ข้าว ยางพารา ไก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และมีตลาดส่งออกสูงสุด ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย อีกทั้งการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรไทย ปี 2567 มีการส่งออกรวม 8.2 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยมีสินค้าส่งออกสูงสุด ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ น้ำตาลทราย ผลไม้กระป๋องแปรรูป ซึ่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น กัมพูชา และเมียนมา จึงถือว่าเกษตรกรเป็นต้นน้ำของวัตถุดิบสินค้าในประเทศ” ศ.ดร.นฤมล กล่าว
นอกจากนี้ รมว.เกษตรฯ ได้เน้นย้ำว่าพร้อมจับมือกับภาคเอกชนคิดค้นวิจัย พัฒนา เทคโนโลยีเพื่อเกษตรกร และผลักดันเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer รวมถึงสร้าง Young Smart Farmer ไปพร้อมกัน ซึ่งเราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกของเกษตรกร ให้ใช้ AI มาช่วยประเมินและวางแผนการเพาะปลูกให้เป็นการทำเกษตรแม่นยำ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลจากพี่น้องเกษตรกร และหน่วยงานต่างๆ มาประกอบกัน จะทำให้วางแผนทรัพยากรได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งองค์ประกอบที่จะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพประกอบด้วย ดินดี น้ำดี และเมล็ดพันธุ์ดี นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้ส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจเพิ่มเติม ได้แก่ กาแฟ ถั่วเหลือง และโกโก้ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกร
อีกทั้งกรมการข้าว ได้ปลูกข้าวคาร์บอนต่ำร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี (GIZ) สามารถลดการใช้น้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถึงร้อยละ 50 ซึ่งข้าวชนิดนี้โรงสีหลายแห่งติดต่อขอรับซื้อ ให้ราคาสูงกว่าปกติถึงร้อยละ 5 และได้นำเรื่องนี้ไปแลกเปลี่ยนองค์ความรู้บนเวที World Economic Forum (WEF) ซึ่งทาง WEF มีความสนใจตั้งศูนย์ Center for the Fourth Industrail Revolution (C4IR) ถือเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยที่จะได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ แนวปฏิบัติ และบทเรียนกับบุคลากรจากหลากหลายประเทศ ในเรื่องเปลี่ยนแปลงอาหารและระบบเกษตรด้วยเทคโนโลยี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี