กลุ่มปลดแอกสองล้อรวมตัวขี่จยย.กว่า100คัน บุกโรงพักบางศรีเมือง จี้คดี'พีท มาสด้าแดง' คาใจไม่ขอโทษ ไม่เชื่อเปลี่ยนพฤติกรรมได้ พร้อมยื่น 4 ข้อเรียกร้อง ให้หยุดขับรถจนกว่าศาลจะตัดสิน เผยผกก.บอกแจ้งข้อกล่าวหา'ทำให้เสียทรัพย์'ไปแล้ว
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ นำโดยนายภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล แอดมินเพจเฟซบุ๊ก ปลดแอกชาวสองล้อ พร้อมด้วยเพจอื่นที่ที่ขับเคลื่อนเกี่ยวกับผู้ที่ขับขี่รถจักรยายนต์ รวมถึงประชาชนผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ประมาณ100 คัน นัดหมายรวมตัวกันหน้าโรงพัก สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี เพื่อเข้าติดตามความคืบหน้าในคดีที่นายพีท คนขับรถเก๋งมาสด้าสีแดง บีบแตรเฉี่ยวชนรถ จักรยานยนต์ของนายจินตการ อายุ 49 ปี ก่อนจะนำคลิปกล้องหน้ารถมาลงในโลกออนไลน์ จนกลายที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมดังกล่าว
โดยทางกลุ่มได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมพูดคุย พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง นานกว่า 30 นาที โดยนายภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล แอดมินเพจเฟซบุ๊ก ปลดแอกชาวสองล้อ เปิดเผยว่า วันนี้ทำหนังสือเปิดผนึก มาจำนวน 2 ฉบับ โดยฉบับแรก มีการยื่นข้อเรียกร้อง ต่อ พ.ต.อ.สมชาย จำนวน 3 ข้อ คือ
1.อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดี ที่มีการแจ้งความไว้ และคดีที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอย่างถึงที่สุด
2. ยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้ก่อเหตุเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน
และ 3. หามาตรการป้องกันการก่อเหตุจากผู้ก่อเหตุ และผู้ที่จะมีพฤติกรรมเลียนแบบเพื่อสร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่บนท้องถนน
ส่วนหนังสือฉบับที่ 2 เป็นการยื่นข้อเรียกร้องต่อนายพีทคนขับรถเก๋งมาสด้าแดงผู้ก่อเหตุ 4 ข้อ คือ
1. ออกมาแสดงตนเพื่อรับผิดชอบความผิดที่กระทำต่อสังคมด้วยความจริงใจ
2. หยุดการขับขี่รถทุกประเภทจนกว่าจะมีคำตัดสินจากศาล
3. ยุติการเผยแพร่คลิปวีดีโอที่ก่อให้เกิดอันตราย และสร้างความแตกแยกในทุกช่องทาง
และ 4. ออกมาตักเตือนผู้ที่คิดจะเลียนแบบพฤติกรรมการขับขี่ที่สร้างความอันตรายต่อผู้อื่น
นายภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล แอดมินเพจเฟซบุ๊กปลดแอกชาวสองล้อ กล่าวภายหลังเข้าหารือพูดคุยกับทาง ผกก.สภ.บางศรีเมือง ว่า ขณะนี้ทางตัวผู้ก่อเหตุนั้นถูกดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และในส่วนคดีอื่นๆ ยังไม่ได้มีการแจ้งความแต่อย่างใด อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน มีการเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะมีการดำเนินคดีที่มากกว่าทำให้เสียทรัพย์หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนกรณีที่มีการขอให้ยึดใบขับขี่นั้นทางผู้กำกับเปิดเผยว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่เป็นอำนาจของกรมขนส่งทางบก นั่นหมายความว่า ตอนนี้ผู้ก่อเหตุยังสามารถขับขี่รถได้ตามปกติ เมื่อตนถามถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ทาง ผกก.แจ้งว่า ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนในเบื้องต้น และผู้ก่อเหตุได้มีการรับปากว่าจะเลิกพฤติกรรมการขับขี่ที่จะก่ออันตรายกับผู้ใช้โดยใช้ถนน ก็ต้องมารอดูกันว่าใครจะพบเจอเหตุการณ์อันตรายหลังจากนี้ แต่ถ้าหากว่าใครมีคลิปหลักฐานที่ผู้ก่อเหตุ มีการขับรถประมาทหวาดเสียว หรือก่ออันตรายให้กับผู้ร่วมใช้ทาง ในห้วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา สามารถส่งมาได้ที่เพจปลดแอกชาวสองล้อ ซึ่งตนจะเป็นตัวแทนในการรวบรวมคลิปดังกล่าวส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง
นายภีรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนในประเด็น ที่ผู้ก่อเหตุรับปากว่าจะหยุดพฤติกรรมขับรถหวาดเสียว ส่วนตัวมองว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่เชื่อว่าจะทำได้อย่างที่พูดเนื่องจากก่อนหน้านี้ตนได้มีโอกาสพูดคุยผ่านแชทข้อความกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเจ้าตัวรับปากว่าจะโพสต์ออกมาขอโทษกับสังคม แต่หลังจากการพูดคุยก็ไม่ได้มีการโพสต์ขอโทษแต่อย่างใดเรื่องง่ายๆ ยังทำไม่ได้ ดังนั้นจะให้เชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะเลิกพฤติกรรมขับรถประมาทหวาดเสียว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เป็นมาอย่างยาวนาน เป็นปีได้อย่างไร ยอมรับว่าวันนี้รู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้เจอผู้ก่อเหตุ เนื่องจากทุกคนต้องการที่จะเจอกับเขา เพราะว่าทุกคนก็เกรงว่าจะเกิดอันตราย ระหว่างการใช้รถใช้ถนน ซึ่งเช่นเดียวกันหากเขาขับรถในลักษณะนี้ไปเจอกับบุคคลที่หัวร้อนเขาเองก็อาจจะเป็นอันตรายเช่นเดียวกัน
ทางด้าน นายอริยะพงษ์ เจริญสุข เจ้าของเพจจอห์นไรเดอร์ เปิดเผยต่อว่า แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเปิดเผยว่าการทำคดีไม่ได้ล่าช้าเนื่องจากต้องเป็นไปตามขั้นตอนต้องมีการเรียกผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำ เรียกผู้ก่อเหตุเข้ามาให้ปากคำก่อนที่จะส่งหลักฐานไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน จึงอาจจะต้องใช้เวลาแต่ในความรู้สึกของคนที่ต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้ก่อเหตุ มองว่าคดีล่าช้า เนื่องจากในปัจจุบันเขายังสามารถขับขี่ ใช้รถใช้ถนนได้ตามปกติ อาจจะไปก่ออันตรายให้กับใครก็ได้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมขับรถประมาทหวาดเสียวซึ่งอาจจะก่ออันตรายให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนมานานนับปี มีคลิปหลักฐานหลากหลายเหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าคลิปเหล่านั้นไม่สามารถนำมาใช้การได้ต้องรอให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีเสียก่อน ซึ่งถ้าผู้เสียหายรวมตัวกันแจ้งความ และเจ้าหน้าที่เกิดใจดีขึ้นมาอาจจะนำพฤติกรรมในหลายๆ คดีไปรวมกัน เพื่อยื่นฟ้องต่ออัยการ เพิ่มน้ำหนักในทางคดีได้ หรืออย่างน้อยถ้าไม่ได้มีการรวมคดี ก็อาจจะเป็นการเรียกผู้ก่อเหตุมาจ่ายค่าปรับ ในคดีที่ต่างกรรมต่างวาระกัน
นายอริยะพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนขอยกตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และไม่เท่าเทียมเมื่อไม่นานมานี้ มีกรณีรถจักรยานยนต์วิบากยกล้อเทพทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเข้าจับกลุ่มได้อย่างรวดเร็วแถมมีการดำเนินคดี และยึดรถ แต่กับกรณีนี้ขับรถประมาทหวาดเสียวมีคลิปจากผู้ก่อเหตุเป็นหลักฐานอย่างชัดเจนกลับยังไม่สามารถที่จะยึดรถ หรือระงับใบอนุญาตขับขี่เป็นการชั่วคราวได้ ยังคงปล่อยให้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนในสังคมต่อไป แตกต่างกับทางกลุ่มคนขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ปฎิบัติราวกับเมียน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี